ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 4 ธันวาคม 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 59.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.22% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดขึ้นสองวันรวมกัน +1.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.72% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 63.26 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.94% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 2 วันรวมกัน +0.81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.34% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดสำคัญลดลง -3%
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐรวมอ่อนค่าลงต่อเนื่องถึง 10 วันติดต่อกันท่ากลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐโดยเฉพาะการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านไป ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดการจ้างงานมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ขณะที่นักลงทุนประเมินว่าในวันที่ 9 ถึง 10 ธันวาคมนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งอาจจะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง 3 ครั้งสิ้นสุดภายในปีนี้
การเจรจาระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิเมียร์ ปูติน กับผู้แทนระดับสูงฝ่ายเจรจาแนวทางสันติภาพของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถที่จะมีข้อยุติลงได้ นักลงทุนจึงคาดการณ์ต่อไปว่าโอกาสที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบที่มีต่อประเทศรัสเซียอาจจะยังคงไม่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้
กลุ่มโอเปกพลัสเปิดเผยรายงานประจำเดือนพฤศจิากายนว่าในปี 2026 ภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกจะเกิดปริมาณน้ำมันดิบเกินความต้องการบริโภคเล็กน้อยถึงวันละ 20,000 บาร์เรล โดยคาดว่าความต้องการจะอยู่ที่วันละ 43 ล้านบาร์เรล รายงานดังกล่าวตรงข้ามกับรายงานในเดือนตุลาคมที่กลุ่มโอเปกพลัสคาดว่าในปี 2026 ตลาดน้ำมันดิบโลกจะเกิดภาวะขาดสมดุล โดยปริมาณน้ำมันดิบจะลดต่ำกว่าความต้องการบริโภคถึงวันละ 70,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ กบน. มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 05.00 น. ราคากลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอลล์ -30 สตางค์/ลิตร ดีเซลลง -50 สตางค์/ลิตร นับเป็นการปรับลดราคาน้ำมันครั้งแรกในรอบ 17 วันผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม ส่งผลให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินมีราคาถูกสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 และดีเซลมีราคาขายถูกสุดในรอบ 1 ปี 5 เดือนผ่านมา