BTimes : ‘Club No Sugar’ จับวิธีคิดอาหารคีโตต้องทำเครื่องปรุง-วัตถุดิบเอง
June 30, 2020
Club No Sugar ปลุกกระแสการทานอาหารแบบ Ketogenic Diet รังสรรค์เมนูสุดพิเศษนานาชนิด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพ
ในยุคที่คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพในทุกรูปแบบ ทั้งออกกำลังกาย การจำกัดการกินที่เรียกว่า IF (Intermittent Fasting) คือการกินแบบจำกัดช่วงเวลา ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หรือแม้แต่การเลือกกินเฉพาะอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ โดยอาจจะต้องยอมลดทอนความอร่อยบางอย่างที่เคยได้รับ แต่อีกเทรนด์นึงที่กำไล่ไต่ระดับความแรงขึ้นมาไม่แพ้ที่กล่าวไปก็คือ การทานอาหารแบบคีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) หรือการกินในรูปแบบที่เน้นไขมันสูงๆ ตามมาด้วยโปรตีน และลดคาร์โบไฮเดรต
วันนี้จะพาทุกคนไปบุกร้านอาหาร Club No Sugar พร้อมทำความรู้จักอาหารรูปแบบ Ketogenic ที่รังสรรค์ความอร่อยในหลากหลายเมนู ทำให้การทานอาหารสุขภาพเป็นเรื่องสนุก และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
จุดเริ่มต้นของ Club No Sugar คือการที่คุณพิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา ต้องการหาจุดเด่นเพื่อไปใช้ในการทำธุรกิจ จึงเริ่มศึกษาจนไปพบกับอาหาร Ketogenic ยิ่งศึกษาลึกขึ้นก็ยิ่งเกิดความสนใจ รู้สึกว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก และสามารถทำได้จริง อีกทั้งในประเทศไทยก็เริ่มมีคนให้ความสนใจในการทานอาหารรูปแบบนี้เช่นกัน จึงผนวกเอาความชอบในเรื่องการทำอาหารมารังสรรค์ให้ Ketogenic กลายเป็นอาหารสุขภาพที่เน้นความอร่อยและหลากหลาย เพื่อคงความสุขของการกินไว้อย่างเต็มรูปแบบให้กับผู้บริโภค พร้อมค่อยๆ แทรกซึม เปิดตัวสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย จนสร้างกระแสตอบรับที่ดี ส่งให้ Ketogenic และ Club No Sugar กลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
“เราจะไม่ใช้น้ำตาลทรายขาว เราจะไม่ใช้น้ำตาลที่กระตุ้นอินซูลินเลย เพราะว่าทุกๆ อย่างที่ทำออกมา เราเน้นเลยว่าคนที่ป่วยเป็นเบาหวานจะต้องทานได้ เพราะฉะนั้นทุกๆ อย่างที่ใช้ เช่นพวกน้ำตาลจะมีค่าไกลซิมิค อินเด็กซ์ หรือค่าการกระตุ้นอินซูลินเป็นศูนย์ทั้งหมด”
คุณพิพัฒน์ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และนำสิ่งที่ได้มาปรับใช้กับเมนูอาหาร เพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ที่อร่อยและมีประโยชน์ให้กับผู้บริโภคได้มีทางเลือกมากขึ้น เช่น การนำแป้งอัลมอนด์ หรือผงอัลมอนด์มาใช้ทดแทนแป้งสาลี เพื่อทำเค้กมีเนื้อสัมผัสที่ดี มีรสชาติอร่อย ดีต่อใจ และดีต่อร่างกาย พร้อมห่วงใยไปถึงผู้บริโภคที่เป็นโรคเบาหวาน ด้วยการเลี่ยงการใช้น้ำตาลทรายขาว เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถทานได้ด้วยเช่นกัน
“ต้องบอกว่าเราเป็นร้านที่ลูกค้าให้ความเชื่อใจสูง เพราะว่าการทาน Ketogenic ถ้าเราทานอะไรที่ผิดไปจากแนวทางของเขา มันก็จะไม่ได้ผล เพราะฉะนั้นลูกค้าก็จะค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นเราก็เลยผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ ทำให้ลูกค้าเชื่อใจว่าร้านนี้ทำ Ketogenic แบบจริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์”
ปัจจุบันร้าน Club No Sugar ได้ย้ายจากย่านพระราม 2 มาอยู่ที่พระราม 3 เพื่อขยายพื้นที่รองรับปริมาณการมาใช้บริการของลูกค้าให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมเนรมิตซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมเอาวัตถุดิบต่างๆ ที่ทางร้านผลิตขึ้นมาจัดจำหน่ายให้ลูกค้าสามารถซื้อกลับไปปรุงที่บ้านเองได้ นอกจากนั้นยังใส่ใจและให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากสายสุขภาพให้สามารถรับประทานอาหารร่วมกันได้ ด้วยการรังสรรค์เมนูอาหารปกติขึ้นมา แต่แฝงความพิเศษไว้ ด้วยการใช้ข้าว กข.43 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีน้ำตาลต่ำ เพราะทางร้านต้องการให้ผู้บริโภคอิ่มท้องและอิ่มใจ และได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไปในทุกมื้ออาหาร