BTimes : ‘Mo. Brand’ EP.2 จากร้านขายกระเป๋าออนไลน์ สู่ Mo. MUSEUM
Sep 2, 2020
Mo. ก่อร่างสร้างฐานธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ยึดหัวใจหลัก 3 สิ่งมาใช้ในการบริหารงาน
Mo. เลือกใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลักในการสื่อสาร คู่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรม หรือไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พร้อมเสิร์ฟโปรโมชันโดนใจไม่ซ้ำใครตามเทศกาลต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งเอกลักษณ์หนึ่งที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นจนว้าวลูกค้ามาแล้ว ก็คือการเปิดให้บริการหน้าร้านเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ ได้แก่ วันพฤหัสบดี วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 19.00 น. โดยคุณรสให้เหตุผลว่า ต้องการควบคุมราคาไม่ให้สูงกว่าที่ตั้งไว้ เพราะการมีหน้าร้านนั้นแฝงไปด้วยต้นทุนค่าใช้จ่ายมากมาย อีกทั้งเธอยังต้องการรักษาคุณภาพการผลิตสินค้าให้อยู่ในระดับที่กำหนด จึงลงมือตรวจงานเองทุกขั้นตอน เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าคุณภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด
เป้าหมายใหญ่ที่คุณรสตั้งไว้คือการพาแบรนด์ Mo. โตไกลไปถึงระดับ Global ให้ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมรักษาคุณภาพ และพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของผู้หญิงในยุคปัจจุบันให้ได้มากที่สุด
“อย่าไปมองเงินเป็นจุดเส้นชัย ให้มองว่าทำแล้วเรามีความสุข แล้วได้ให้สิ่งดีๆ กับคนและสังคม รสว่ามันอาจจะเป็นความโลกสวยนิดนึง แต่ว่าทำแล้วมันจะรู้สึกดีกว่าการที่เราทำเพื่อเงิน เริ่มจากเล็กๆ แต่พอทุกคนสัมผัสได้ว่าของเราดี บริการเราดี ก็จะมีการ Marketing ที่ถูกที่สุดและดีที่สุด ก็คือปากต่อปาก แชร์ ไลก์ เม้นต่างๆ ค่ะ”
ความถนัด ความชอบ และความเป็นไปได้ คือหัวใจหลักในการทำธุรกิจที่คุณรสยึดถือมาโดยตลอด เริ่มจากการค้นหาจุดเด่น หรือความชอบของตัวเอง แล้วมองว่าธุรกิจที่อยากจะทำสามารถไปต่อได้ไหม มีคนต้องการสินค้า หรือบริการของเราหรือเปล่า และให้คิดเสมอว่าทำแล้วเรามีความสุขไหม โดยไม่ยึดเอาเรื่องเงินมาเป็นเส้นชัย ที่สำคัญคือต้องลงมือทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบจนเกินความพอดี หมั่นพัฒนาคุณภาพสินค้าและรักษาระดับมาตรฐานการผลิตอยู่เสมอ เพื่อตอบแทนความไว้วางใจ และสร้างความพึงพอใจให้ผู้บริโภค กระทั่งเกิดพฤติกรรมการซื้อซ้ำ แนะนำแบบปากต่อปาก รีวิวตามโซเชียลมีเดีย นับเป็นการช่วยสร้างการรับรู้เชิงบวก ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง กระทั่งสามารถขยายฐานลูกค้าได้ในที่สุด
