หมดสิ้นยุคค่าไฟหน่วยละ 3 บาท คาดการณ์สู่ยุคที่คนไทยอาจต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแตะ 5 บาทในไม่ช้านี้

901
0
Share:

หมดสิ้นยุค ค่าไฟ หน่วยละ 3 บาท คาดการณ์สู่ยุคที่ คนไทย อาจต้อง จ่ายค่าไฟฟ้า แตะ 5 บาทในไม่ช้านี้
ปวดใจไม่หยุดกับการต้องลุ้นว่าในแต่ละวันที่ลืมตาขึ้นมาจะมีข่าวสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดไหนขึ้นราคาอีกบ้าง เรียกได้ว่าเป็นวิบากกรรมที่อาจมาในรูปของค่าครองชีพก็คงไม่ผิด เพราะดูเหมือนช่วงนี้จะตามหลอกตามหลอนคนไทยจนกลายเป็นฝันร้ายของใครหลายๆ คน

หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อยู่ระหว่างเตรียมพิจารณาปรับค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่าเอฟที (FT) งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2565 ซึ่งมีแนวโน้มพุ่งสูงถึง 90-100 สตางค์ต่อหน่วย โดยสาเหตุที่ค่าไฟแพง เป็นเพราะต้นทุนก๊าซ LNG นำเข้าพุ่งแตะ 30 ดอลลาร์ ทั้งยังเจอความไม่แน่นอนจากปริมาณผลผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยร่วมด้วยนั่นเอง

โดย “นิด้าโพล” ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนถึงเรื่องการใช้จ่ายในปัจจุบันที่สร้างผลกระทบต่อประชาชนมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 คือการใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง อันดับ 2 คือการใช้จ่ายด้านอาหารประจำวัน และอันดับ 3 คือค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าในครัวเรือน ซึ่งจากผลสำรวจจะเห็นว่าค่าไฟฟ้าติดอันดับภาระค่าใช้จ่ายที่ประชาชนคนไทยให้ความกังวลเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นรายจ่ายจำเป็นและจำยอม เนื่องจากเป็นภาระที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่ต้องเช่าหอพัก เพื่ออยู่อาศัยที่มีอัตราการเก็บค่าไฟต่อหน่วยสุดหฤโหดกว่าหน่วยไฟบ้านถึง 2-3 เท่า

และในขณะที่ค่าไฟดีดขึ้นไม่หยุด แต่รายได้กลับแน่นิ่งยิ่งกว่าน้ำคลองเสียอีก เจอยังงี้เข้าไปก็น่าเป็นห่วงอนาคตคนไทย โดยเฉพาะคนที่หาเช้ากินค่ำว่าจะเป็นอย่างไรเหลือเกิน หากวันใดวันหนึ่งกลุ่มคนเหล่านี้อดทนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว พร้อมเลือกกลับไปหางานทำที่บ้านเกิด ก็อาจส่งผลกระทบรุนแรงกับตลาดแรงงานในเมืองหลวงในอนาคต เพราะการขาดแคลนแรงงานถือเป็นปัญหาใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีปัญหานี้เกิดขึ้นกับธุรกิจขนาดเล็กไปบ้างแล้ว แม้จะยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ถ้าค่าครองชีพยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางรายได้ที่หดลงเช่นนี้ อาจส่งผลให้การตัดสินใจย้ายถิ่นฐานของแรงงานเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้รายได้ในบ้านเกิดจะน้อยกว่า แต่ค่าครองชีพในต่างจังหวัดก็ถูกกว่าเมืองหลวง อีกทั้งยังสามารถหาผักหาปลาตามธรรมชาติมารับประทานได้อย่างฟรีๆ ตรงกันข้ามกับในเมืองหลวงที่เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากประตูบ้านก็ต้องเสียเงินแล้ว และความเป็นจริงสำหรับยุคนี้ที่อะไรประหยัดได้ก็ต้องทำ เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดให้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจสุดโหดนี้ไปให้ได้

รู้ว่าทุกคนท้อแต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง รู้ว่าทุกคนเหนื่อยแต่เราจะกัดฟันสู้มันไปด้วยกัน เพราะคงไม่มีใครอยากเห็นประเทศไทยกลายเป็นอย่างประเทศที่เกิดการล่มสลายทางเศรษฐกิจ ดังที่เห็นข่าวของประเทศอื่นตามสื่อต่างๆ ว่ามันรุนแรงขนาดไหน และเราคงทำได้เพียงแต่ภาวนาไม่ให้ประเทศไทยก้าวไปถึงจุดนั้น แต่ก็นั่นหละ ประชาชนตาดำๆ อย่างเราคงไม่มีแรงมากพอ ก็คงหวังพึ่งเหล่าท่านผู้นำทั้งหลายที่จะคิดและทำทุกวิธีทาง เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ แม้จะไม่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เพียงแค่ให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าบ้าง เพราะเราก็อยากเหยียบคันเร่ง และไม่อยากที่จะเหยียบเบรกกันอีกแล้ว

ทีมงาน BTimes ก็ขอเป็นกำลังใจให้แฟนเพจทุกคนสู้ๆ นะคะ เราจะจับมือกันผ่านวิกฤตทั้งหมดไปให้ได้ค่ะ

BTimes