เมื่อทางม้าลายกลายเป็นแค่สีทาถนน ต่อยอดกลายเป็นปมสร้างความหวาดระแวงที่เลือกไม่ได้ของคนเดินเท้า

1066
0
Share:

เมื่อ ทางม้าลาย กลายเป็นแค่สีทาถนน ต่อยอดกลายเป็นปมสร้างความหวาดระแวงที่เลือกไม่ได้ของคนเดินเท้า

ปัญหาทางเท้าและอุปสรรคระหว่างทางของคนเดินถนนในประเทศไทย เป็นสิ่งที่ถูกปล่อยเบลอมาเป็นเวลานานจนกลายเป็นความเคยชิน ทั้งที่ปัญหาบางอย่างเป็นเรื่องที่มีความผิดร้ายแรงในประเทศที่เจริญแล้ว

จากกรณีข่าวตำรวจควบคุมฝูงชนขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์พุ่งชนแพทย์หญิง ขณะกำลังข้ามถนนตรงทางม้าลาย กลายเป็นประเด็นดังที่ทำให้คนไทยหันมาตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างก็เร่งออกมาสร้างผลงานในการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุกันอย่างคึกคัก ไม่เพียงแค่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วภูมิภาคก็เริ่มมีการปรับปรุง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นในการแก้ไขปัญหา แม้จะมีผู้คนออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากว่าการกระทำทั้งหมดเป็นการแก้ไขแบบวัวหายล้อมคอก พร้อมตั้งคำถามว่าในเมื่อผู้คนยังคงมีพฤติกรรมเช่นเดิม ปัญหานี้จะหมดไปเพียงข้ามคืนด้วยการนำสีมาทาพื้นถนนให้เข้มขึ้นจริงหรือ?

แม้หลายคนจะเริ่มเห็นถึงความสำคัญของกฎระเบียบและการให้ความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น แต่ก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงใช้ชีวิตอย่างเคยชินอยู่ ซึ่งสิ่งนี้สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนร่วมทาง ทั้งทางเท้าและทางถนนเป็นอย่างมาก จนทำให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากจำเป็นต้องใช้เส้นทางนี้ประจำ ต่อให้ถูกรังควานจากพวกมักง่ายเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง และอ้างว่าเกิดจากความเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่รถจักรยานยนต์บนฟุตบาท การจอดรถติดไฟแดงบนทางม้าลาย หรือแม้กระทั่งการไม่หยุดชะลอให้คนเดินข้ามถนน ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดในประเทศที่เคร่งเรื่องกฎหมาย อาจต้องเสียเงินค่าปรับจนหมดตัว หรือหมดสิทธิ์ในการขับขี่รถตลอดชีวิตก็เป็นได้

เมื่อไรกฎหมายไทยจะเข้มแข็งพอที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ถูกถ่ายทอดกันมาตั้งแต่ครั้งอดีต ว่าด้วยการทำให้สิ่งที่ผิดกลายเป็นเรื่องปกติ มิหนำซ้ำเด็กรุ่นใหม่ที่ถือกำเนิดมาก็ได้ซึมซับแนวทางนี้สืบต่อกันไปเรื่อยๆ จากคำว่าความเคยชิน… เชื่อว่าหากไม่มีการรื้อแก้ไขตั้งแต่รากเหง้าของปัญหา ปัญหานี้ก็จะยังคงอยู่ ดังนั้นการปลูกฝังเรื่องของจิตสำนึกตั้งแต่เด็ก และกำหนดกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อสร้างระเบียบวินัยจึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรกระทำ โดยหวังเพียงว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้รถใช้ถนนจะเป็นบทเรียน และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สังคมไทยใส่ใจในเรื่องกฎระเบียบเพิ่มมากขึ้น อย่าให้ใครต้องสังเวยชีวิตจากความประมาทเฉกเช่นนี้อีกเลย

‘คนไทยลืมง่าย’ คงเป็นประโยคที่ไม่เกินจริง เห็นได้จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้คนฉุกคิดได้เพียงครู่ แต่พอเวลาผ่านพ้นไปได้ไม่นาน ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ พฤติกรรมเดิมๆ ก็ถูกดำเนินต่อไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น การแก้ไขปัญหาก็เกิดขึ้นเพียงฉาบฉวย ไม่ยั่งยืน เป็นเพียงการทำเพื่อป้องกันการถูกต่อว่าจากสังคมเท่านั้น

สุดท้าย ทีมงาน BTimes ก็ขอให้แฟนเพจทุกคนใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ดูแลตัวเองให้ดี และหวังว่าสักวันหนึ่งประเทศไทยจะสามารถแก้ไขระบบ ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้กับเด็กรุ่นใหม่ และขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยในชีวิตมากที่สุดในโลก ทั้งหมดนี้แม้จะดูห่างไกล แต่ใช่จะไม่มีความหวัง

BTimes