ฝนตกหนักจนหลายพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย วัฏจักรที่ยากจะหลีกเลี่ยง

1003
0
Share:

ฝนตกหนักจนหลายพื้นที่ประสบปัญหา น้ำท่วม วัฏจักรที่ยากจะหลีกเลี่ยง
หลังจากที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ก็ดูเหมือนว่าจะมีพื้นที่ในหลายจังหวัดประสบกับปัญหาอุทกภัยขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติก็เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมที่คงไม่มีใครอยากให้เกิด ซึ่งสิ่งที่สามารถทำได้ คือการเตรียมแผนเฝ้าระวังและแก้ปัญหาให้ทันท่วงที หากเป็นไปได้ก็ควรวางแผนแก้ไขในระยะยาว โดยเริ่มจากต้นเหตุ เช่น การวางแผนเส้นทางระบายน้ำ การแก้ปัญหาขยะอุดตันตามท่อระบายน้ำ หรือการวางผังการก่อสร้างไม่ให้กีดขวางเส้นทางการระบายน้ำ เป็นต้น

โดยปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าฤดูฝนในประเทศไทยได้เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และจะสิ้นสุดในช่วงประมาณกลางเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี มวลน้ำที่สะสมจำนวนมหาศาลจากทางภาคเหนือกับภาคอีสานจะถูกระบายออกและไหลมารวมกันที่บริเวณภาคกลางของประเทศ เพื่อระบายออกสู่ทะเล ด้วยสาเหตุนี้ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี จะหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนสะสมและแผนการรับมือ แต่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ยังไม่มีรัฐบาลชุดไหนสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างจริงจัง ที่มองเห็นก็ทำได้เพียงแค่ว่าใครจะสามารถตั้งการ์ดรับมือให้ทันเวลา รวมถึงเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนได้เร็วกว่ากันก็เท่านั้น

ดูเหมือนว่าในปีนี้ประเทศไทยก็เริ่มจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเรื่อยมาในช่วงครึ่งปีหลัง เริ่มมาตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเชียงราย เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินไปไม่น้อย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร และมีคนจำนวนไม่น้อยที่แทบจะไม่รู้ว่าพื้นที่ห่างไกลกำลังได้รับความยากลำบากและรอความช่วยเหลืออยู่ จนบางครั้งทำให้พี่น้องต่างจังหวัดเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจว่าเพราะพวกเขาอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเกินไปหรือ ถึงทำให้ความช่วยเหลือเดินทางมาอย่างล่าช้า

นอกจากปัญหาน้ำท่วมทางภาคเหนือแล้ว ยังมีเหตุการณ์น้ำท่วมที่พัทยาที่มีการแชร์รูปภาพและคลิปนาทีน้ำพัดรถป้ายแดงลอยไปอย่างไร้จุดหมายที่ได้รับความสนใจจากสังคมโซเชียลเป็นอย่างมาก และอีกเหตุการณ์ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือ น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมควรเป็นพื้นที่ที่มีการออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วมอย่างสูงสุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ตั้งฐานการผลิตของโรงงานขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาล แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมานั้น อาจสร้างความวิตกกังวลและลดความเชื่อมั่นของบริษัทในการจะเลือกลงทุนต่อไป โดยฉพาะอย่างยิ่งในนักลงทุนต่างชาติกระเป๋าหนัก อาจส่งผลต่อการตัดสินใจที่จะยังตั้งโรงงานต่อไป หรืออาจมองหาฐานที่ตั้งอื่นที่ให้ความมั่นใจถึงความปลอดภัยมากกว่าประเทศไทยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาให้ได้เร็วที่สุด ส่วนสาเหตุของน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูนั้น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สรุปว่า ส่วนหนึ่งมากจากคลองลำสลัดที่อยู่ใกล้เคียงมีปัญหาการบุกรุก ทำให้ปากคลองที่เคยกว้าง 5 เมตร เหลือเพียง 2 เมตร เป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ ดังนั้นจะโทษว่าเป็นเพราะภัยธรรมชาติอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมมนุษย์ก็มีส่วนทำให้เกิดภัยพิบัติได้เช่นกัน สุดท้ายสิ่งที่จะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนคือการที่ทุกคนให้ความร่วมมือ ไม่ใช่เพียงเป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งประเทศ

จากหลายเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นทั้งที่ได้รับความสนใจและถูกปล่อยผ่าน แต่ทั้งหมดคือความเดือดร้อนและความสูญเสียของประชาชน จึงอยากให้ผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีแผนรับมือน้ำท่วมและแผนการจัดการให้ความช่วยเหลือประชนชนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ โปรดอย่าให้ภัยพิบัติน้ำหลากนี้มาซ้ำเติมความทุกข์ทรมานใจของคนไทยอีกเลย เพราะแค่เพียงโรคระบาดโควิด-19 ที่คนไทยต้องเผชิญอยู่ทุกวันก็ยากลำบากมากพออยู่แล้ว

ทีมงาน BTimes จะขอเป็นหน่วยให้กำลังใจเล็กๆ และคอยอยู่เคียงข้างคนไทยให้ก้าวผ่านทุกเหตุการณ์ที่แสนลำบากนี้ไปได้ เราจะผ่านไปด้วยกัน ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ รักและห่วงใยเสมอค่ะ

BTimes