“บางจาก” เขย่าวงการน้ำมัน ทุ่ม 55,000 ล้าน เทคโอเวอร์ “เอสโซ่” สำเร็จ ปิดตำนานปั๊มขาวแดง จับตาขึ้นแท่นเบอร์ 2 แย่งมาร์เก็ตแชร์ขึ้น NO.1 ได้หรือไม่

544
0
Share:

“บางจาก” เขย่าวงการน้ำมัน ทุ่ม 5.55 ล้าน เทคโอเวอร์ “เอสโซ่” สำเร็จ ปิดตำนานปั๊มขาวแดง จับตาขึ้นแท่นเบอร์ 2 แย่งมาร์เก็ตแชร์ขึ้น NO.1 ได้หรือไม่

สร้างตำนานให้กับวงการน้ำมันในบ้านเรามากเลยทีเดียวกับดีลยักษ์ใหญ่ ระหว่าง “บางจาก” และ “เอสโซ่” หลังจากที่ล่าสุดได้ประกาศสิ้นสุดการเจรจาการซื้อขายไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา ด้วยงบกว่า 5.55 ล้านบาท ที่บางจากได้ทุ่มเข้าซื้อหุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. (ExxonMobil) ในจำนวน 65.99% ซึ่งเป็นหุ้นทั้งหมดของ “เอสโซ่” ที่ถือใน ExxonMobil Asia ทำให้บางจากสามารถฮุบกิจการโรงกลั่น พร้อมเครือข่าย และปั๊มน้ำมันของเอสโซ่ที่มีอยู่ทั่วประเทศได้ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการธุรกรรมทั้งหมด เป็นการปิดตำนาน 129 ปี ของเอสโซ่ (ประเทศไทย) ที่ได้เข้ามาทำธุรกิจในไทยตั้งแต่ปี 2437 เลยที่เดียว

คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าว่า กว่าจะเกิดเป็นดีลนี้ขึ้นมาได้นั้น เริ่มจากช่วง4 ปีก่อน ที่ทีมบริหารต้องการมีโรงกลั่นแห่งที่ 2 แต่จะไม่ใช่การสร้างใหม่ เพราะการสร้างแห่งใหม่ต้องใช้เงินลงทุนที่สูง และใช้เวลานานงบอาจบานปลาย ดังนั้นจึงมองหาโรงกลั่นที่มีอยู่แล้ว และที่ผ่านมาก็มีโรงกลั่นมากกว่า 2 โรงกลั่น และเอสโซ่ก็เป็น 1 ใน 3 ที่มีการพูดคุย จนในที่สุดสามารถจบดีลกับเอสโซ่ได้ก่อน โดยได้ใช้เวลาในการเจรจานานกว่า 1 ปี

ในส่วนของโรงกลั่น ถ้ารวมกันก็จะสามารถดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งจัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น เพิ่มเครือข่ายบริการ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ อีกทั้งเป็นการเสริมศักยภาพกำลังการกลั่นที่เอสโซ่มี 174,000 บาร์เรลต่อวัน รวมกับบางจากจะมีกำลังการกลั่นน้ำมันรวมเป็น 294,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะทำให้มีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ รองลงมาคือ ไทยออยล์ 275,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ปั๊มน้ำมันของเอสโซ่ที่มีอยู่กว่า 700 แห่ง เมื่อรวมกับบางจากจะเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันเป็น 2,100 แห่งทั่วไทย

“ผมมองว่าการลงทุนครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางพลังงานที่มากขึ้นของบางจาก และประเทศไทย เป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืนและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น ผมเชื่อมั่นว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมสู่บริบทใหม่ของบางจาก และดีลนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล ในแง่ของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นแง่ของประโยชน์ประเทศ ที่เรามีสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ในเรื่องของพลังงานมาอยู่กับเรา เป็นสินทรัพย์ที่ผมคิดว่ามีผลค่อนข้างสำคัญก็คิดว่าเป็น Very good acquisition (การเข้าซื้อกิจการ) สำหรับทั้งบริษัทและทั้งประเทศด้วย เพราะทำให้มีสินทรัพย์ยุทธศาสตร์มาอยู่กับบางจากและประเทศเพิ่มขึ้น ถือเป็นการผ่องถ่ายสินทรัพย์บริษัทพลังงานข้ามชาติมาเป็นของประเทศไทย”

และในเบื้องต้นยังทำให้บางจากประหยัดต้นทุนใช้จ่ายกว่า 1,500-2,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งก็ดีกว่าการสร้างโรงกลั่นขึ้นมาใหม่อย่างแน่นอน ขณะที่เงินทุน มั่นใจว่าบริษัทมีสถานภาพทางการเงินยังแข็งแกร่ง พร้อมรองรับการปิดดีล โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดราว 40,000 ล้านบาท และยังมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินที่อนุมัติครอบคลุมดีลซื้อกิจการครั้งนี้ที่วงเงินราว 30,000 ล้านบาทแล้ว ดีลนี้คาดว่าจะต้องใช้เงินรวมทั้งหมดกว่า 60,000 ล้านบาท

ส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ของบางจากฯ จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.6 เท่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 เท่า แต่ไม่ถึง 2 เท่า

คุณชัยวัฒน์ บอกว่าจะยังคงเก็บแบรนด์ไว้ ซึ่งจะรวมไปทั้งน้ำมันเครื่อง เคมีภัณฑ์ต่างๆ ของ ExxonMobil แต่หลังปิดดีลซื้อกิจการเสร็จสิ้นแล้ว ปั๊มน้ำมันของเอสโซ่กว่า 700 แห่ง ก็จะทยอยเปลี่ยนมาเป็นปั๊ม “บางจาก” ทั้งหมด โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ขณะเดียวกันสูตรน้ำมันของปั๊มเอสโซ่ก็จะเปลี่ยนมาเป็นสูตรน้ำมันของบางจากทั้งหมด โดยคุณชัยวัฒน์ยังย้ำถึงคุณภาพน้ำมันของบางจากมีมาตรฐานสูง ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจ

ขณะเดียวกันพนักงานเก่าของเอสโซ่ก็จะไม่ถูกลอยแพแน่นอน โดยบางจากจะยังจ้างและเป็นสัญญาจ้างเดิม เพียงแต่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบางจาก

อย่างไรก็ตามในบ้านเรา โออาร์ หรือปั๊มปตท. ถือเป็น No.1 ในไทยที่มีปั๊มน้ำมันมากที่สุด 2,473 สาขา ซึ่งการบางจากเมื่อรวมกับเอสโซ่แล้วยังอยู่ที่ 3 คือ 2,100 สาขาหรือคิดเป็นสัดส่วน 7.5% ของจำนวนปั๊มน้ำมันทั่วประเทศประมาณ 20,000 แห่ง รองจาก พีที ที่ 2,181 สาขา คุณชัยวัฒน์ย้ำว่าในแง่ของส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกผ่านปั๊มน้ำมันจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 30% เป็นอันดับ 2 ยังรองจากโออาร์ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 42% ซึ่งไม่ถือเป็นการผูกขาดธุรกิจ แต่ทำให้บางจากสามารถให้บริการด้านการตลาดที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น

หลายคนอาจจะมีคำถามแล้วว่า บริษัทอื่นเค้าแห่ไปลงทุนรถอีวีกันแล้วนะ ทำไมบางจากยังลงทุนโรงกลั่นน้ำมัน ตรงนี้คุณชัยวัฒน์บอกว่าถ้าดูตลาดแล้ว 90% ในไทยยังเป็นรถที่เติมน้ำมัน และถ้าดูในหลายๆ ประเทศน้ำมันเริ่มขาดแคลน ขณะที่บ้านเรายังต้องพึ่งพาน้ำมันก่อนที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่าน และภาวะนี้คงจะตึงตัวไปอีกสักพัก การลงทุนกับน้ำมันจึ่งมั่นใจว่าจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ช่วยให้พวกเราเข้าถึงน้ำมันได้ในคุณภาพที่ดี และราคาที่สมเหตุสมผลได้มากขึ้น

นับว่าตอนนี้ บางจากได้แม่กุญแจจากเอสโซ่มาถือไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้คือการเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้น ภายใต้การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ที่คาดว่าจะเสนอวาระการเข้าซื้อเอสโซ่ ในการประชุมผู้ถือหุ้นบางจากช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้ และคงจะดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี 2566 หรือย่างช้าที่สุดอาจจะอยู่ในช่วงเดือน พ.ย. เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ตอนนั้น “บางจาก” ถึงจะได้กุญแจครบชุด เตรียมเปิดบ้านปักวาดเช็ดถู รีโนเวทให้ใหม่เอี่ยมอ่องได้อีกที…

BTimes