สิ้นปี ไม่สิ้นใจ ปักธงเที่ยวไทยใหม่ ยาวไปถึงปีหน้า

432
0
Share:

สิ้นปี ไม่สิ้นใจ ปักธง ท่องเที่ยวไทย ใหม่ ยาวไปถึงปีหน้า

การท่องเที่ยวถือเป็นหม้อข้าวหม้อแกงหลักของไทย เพราะรายได้มหาศาล ทำให้ประเทศฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้วหลายวิกฤตเลยก็ว่าได้

แต่กับวิกฤตโควิด-19 นั้นกลับทำให้การท่องเที่ยวต้องโดนล็อคใส่กุญแจสิบแปดชั้นไปด้วย หรือเรียกได้เลยว่า ท่องเที่ยวเองก็ไม่รอด เพราะความสาหัสของโรคอุบัติใหม่ ทำให้ทั่วโลกต้องปิดการเดินทาง กระทบธุรกิจเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก

และในปีนี้ถือเป็นปีที่เราเริ่มจะได้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาจากหลุมวิกฤตโควิด เช่นเดียวกับอีกหลายๆ ประเทศที่สถานการณ์ก็ค่อยๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะฟันเฟืองหลักอย่างการท่องเที่ยว ถึงเวลานำมาปัดสนิมเปิดใช้งานอีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้ผ่อนคลายหลายมาตรการเดินทาง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ขนเม็ดเงินมากระจายในบ้านเรา ซึ่งหลายๆ หน่วยงานต่างก็คาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า “ท่องเที่ยวฟื้นแน่”

จังหวะที่ดีคงหนีไม่พ้นเทศกาลแห่งความสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่ใกล้เข้ามาแล้วนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประเมินว่าวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 – 2 มกราคม 2566 จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยออกเดินทางในประเทศ 3.14 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 11,200 ล้านบาท โดยหากลงลึกไปยังตัวเลขยอดจองที่พัก พบว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ย(Occupancy Rate) ของภาคธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 75% โดยภาคเหนือมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 78% รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ75% และภาคตะวันออก 72%

ขณะที่ต่างชาติ โดยเฉพาะโซนอเมริกา ยุโรป ต่างก็หนีหนาวมาชิลรับอากาศอุ่นในบ้านเรา แต่กลุ่มที่ฮอตฮิตยังเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง โดยคาดว่านักท่องเที่ยวที่เข้าไทยมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 1.มาเลเซีย, 2.อินเดีย, 3.สปป.ลาว, 4.กัมพูชา, 5.สิงคโปร์, 6.เกาหลีใต้, 7.เวียดนาม, 8.สหรัฐอเมริกา, 9.อังกฤษ และ 10.รัสเซีย

ททท. ยังคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จะมีประมาณ 7-8 แสนคน สร้างเม็ดเงินให้กับไทยประมาณ 26,000 ล้านบาท ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้เดินทางเข้ามาแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม เพื่อพักผ่อนในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและต่อเนื่องไปจนถึงปีใหม่ 2566 เลยรวดเดียว นับเป็นโอกาสที่ไทยจะต้องเร่งทำคะแนน และโกยรายได้จากต่างชาติเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนก้าวเข้าสู่ปีใหม่หน้า 2566

แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการเป็นกังวลคือต้นทุนของธุรกิจ โดยเฉพาะจากราคาพลังงานอย่างค่าไฟฟ้าที่อาจจะสะเทือน ส่งผลให้ค่าโรงแรม ที่พัก จำเป็นต้องปรับขึ้นตามต้นทุนไปด้วย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อันที่จริงราคาห้องพักได้ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นไปรอรับต้นทุนตามคาดการณ์ แต่ยอมรับว่าหากราคาที่พักสูงขึ้น อาจจะกระทบการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในประเทศ แต่ยังมีความต้องการจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีกำลังซื้อเพียงพอ หากจากคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยกเว้นจีน ที่จะเข้ามาปีหน้า 20 ล้านคน จะช่วยชดเชยรายได้เข้าพักในประเทศที่อาจหายไป จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบผู้ประกอบการ โดยสิ่งที่กังวลมากกว่าคือปัญหาขาดแคลนแรงงานด้านท่องเที่ยว จะยิ่งทำให้เพิ่มต้นทุนด้านแรงงานนอกเหนือจากต้นทุนค่าไฟฟ้า เพราะเป็นแรงงานทักษะเฉพาะด้านและอัตราค่าจ้างที่สูง ซึ่ง ททท.ขอติดตามไปอีกสักระยะก่อน

ปัจจุบันโรงแรมหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น ภูเก็ตไม่สามารถกลับมาเปิดได้ 100% เพราะยังขาดแม่บ้าน พนักงานหลายตำแหน่ง อยากจ้าง แต่ไม่มีคนมาสมัคร ซึ่งส่วนใหญ่ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตั้งแต่การปรับให้พนักงานทำงานได้หลายอย่าง เพิ่มชั่วโมงการทำงานนานขึ้น โดยจ่ายค่าล่วงเวลาให้มากขึ้น หรือแม้แต่จ้างพนักงานชั่วคราว โดยยอมจ่ายอัตราสูง เช่น แม่บ้านจ่ายสูง 1-2 เท่า 1,000-1,200 บาทต่อวัน มีอาหารฟรีให้ 2 มื้อ จากก่อนโควิดจ่าย 400-500 บาท เลยทีเดียว

นายรังสิมันตุ์ กิ่งแก้ว กรรมการบริหารสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต มองว่าถ้าธุรกิจโรงแรมกับมาเปิดเต็มร้อย เชื่อว่าจะมีปัญหาเรื่องแรงงานขาดแคลนหนักขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนในตลาดแรงงานน้อยลงเรื่อยๆ หายไปกับโควิดแล้วไม่กลับมา และยังพบว่าแรงงานภาคบริการไทยออกไปทำงานในต่างประเทศ เพราะต่างประเทศก็ขาดแคลน และด้วยจุดเด่นในด้านการบริการของคนไทย ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศเช่นกัน

การท่องเที่ยวที่ทุกฝ่ายคาดหวังจะให้เป็นพระเอกหลักในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของไทยในปีหน้า หากขาดการซัพพอร์ตจากภาครัฐอย่างจริงจัง และสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เชื่อว่าถ้าได้รับผลกระทบที่ไม่คาดคิดจากปัจจัยภายนอกอีกครั้ง อาจจะยังไม่ทันได้ “แจ้งเกิด” ก็คงจะ “แจ้งดับ” ก่อนเป็นแน่

BTimes