ปังไม่ไหว… ‘มิลลิ’ เด็กไทยวัย 19 ชู Soft power เอกลักษณ์ของกินไทย ปลุกกระแสข้าวเหนียวมะม่วงผ่านเพลงแร็ปบนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลก

844
0
Share:

ปังไม่ไหว… ‘มิลลิ’ เด็กไทยวัย 19 ชู Soft power เอกลักษณ์ของกินไทย ปลุกกระแส ข้าวเหนียวมะม่วง ผ่านเพลงแร็ปบนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลก
นาทีนี้จะมีใครต้านไหวกับมิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล เจ้าของแฮชแท็ก #MILLILiveatCoachella ผู้ครองเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ข้ามวันข้ามคืน จากการขึ้นแสดงบนเวทีระดับโลก Coachella พร้อมหอบหิ้ววัฒนธรรมและอาหารยอดนิยมของประเทศไทยไปเผยแพร่ที่สหรัฐอเมริกา

กลายเป็นกระแสไวรัลสั่นสะเทือนทั้งโลกโซเชียล หลังจากแรปเปอร์สาวชาวไทยอย่างน้องมิลลิ หรือที่หลายคนรู้จักในนาม ‘น้องนวย’ ได้หอบเอาความสามารถและเป็นตัวแทนในการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยผ่านเพลงแร็ปที่แต่งขึ้น เพื่อร้องในงานเทศกาลดนตรีและศิลปะประจำปี Coachella โดยเฉพาะ อีกทั้งยังสร้างปรากฏการณ์ Sticky Rice Fever จากการที่ได้นำเอาข้าวเหนียวมะม่วงไปทานระหว่างแสดงบนเวที

ถ้าใครยังจำได้เมื่อเดือนที่แล้ว ชาวสวนมะม่วงหลายรายได้ออกมาประท้วงด้วยการเทมะม่วงทิ้งกว่า 2 ตัน เนื่องจากต้องเผชิญกับสภาวะราคาตกต่ำ ทั้งที่เป็นมะม่วงเกรดส่งออก แต่กลับขายได้เพียงกิโลกรัมละ 1-2 บาทเท่านั้น สวนทางกับต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรง ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งผลผลิตที่มีตำหนิก็ยังไม่มีคนรับซื้อ จนต้องวอนรัฐบาลช่วยเยียวยา

แต่เหมือนดั่งสวรรค์ประทานพรให้เหล่าชาวสวนมะม่วงได้ลืมตาอ้าปากกันอีกครั้ง จากกระแสการที่น้องมิลลิ แร๊ปเปอร์สาวชาวไทยได้นำข้าวเหนียวมะม่วงขึ้นไปทานระหว่างการแสดง จนถูกพูดถึงอย่างหนาหูและโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน โดยล่าสุดกรมการค้าภายในได้เปิดเผยว่าราคามะม่วงน้ำดอกไม้ เกรดคุณภาพขยับมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 25-35 บาท จากปีก่อนที่ขายในราคากิโลกรัมละ 22-25 บาท ส่วนเกรดคละอยู่ที่กิโลกรัมละ 11-13 บาท จากปีก่อนที่กิโลกรัมละ 8-12 บาท ซึ่งนอกจากชาวสวนมะม่วงจะได้ผลประโยชน์จากกระแสฟีเวอร์ในครั้งนี้ โดยมีออร์เดอร์เพิ่มถึง 4 ตันแล้ว ร้านข้าวเหนียวมะม่วงก็ไม่น้อยหน้า บางร้านถึงกับต้องตกใจกับยอดออร์เดอร์ที่สั่งเข้ามาอย่างถล่มทลาย อ้างอิงข้อมูลจากบรรดาผู้ให้บริการแอปพลิเคชันสั่งอาหาร เริ่มต้นที่ไลน์แมน ระบุว่าเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 พบว่ายอดคำสั่งซื้อข้าวเหนียวมะม่วงในรอบ 24 ชั่วโมง ทำสถิติพุ่งสูงถึง 3.5 เท่า ส่งผลให้เกิดเป็นสถิติคำสั่งซื้อเมนูอาหารที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของไลน์แมน โดยช่วงเวลาที่ลูกค้าสั่งข้าวเหนียวมะม่วงผ่านบริการเดลิเวอรีเกิดขึ้นมากที่สุด คือระหว่างเวลา 15.00-19.00 น. พื้นที่ที่มีการสั่งเมนูดังกล่าวมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 อำเภอเมืองเชียงใหม่, อันดับ 2 อำเภอเมืองนนทบุรี และอันดับ 3 เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร

ต่อเนื่องด้วย แกร็บ พบว่าจำนวนออร์เดอร์และมูลค่าการสั่งซื้อเมนูข้าวเหนียวมะม่วงเพิ่มขึ้นกว่าระดับปกติถึง 4 เท่า และมีการสั่งซื้อตั้งแต่เวลา 13.00-19.00 น. ที่น่าตกใจคือข้อจากมูลในวันที่ 17 เมษายน 2565 เมนูข้าวเหนียวมะม่วงได้ทุบสถิติขยับขึ้นมาเป็นเมนูขายดีอันดับ 1 จากเดิมอยู่ที่อันดับ 3 และสุดท้ายข้อมูลจากแอปพลิเคชันโรบินฮู้ด พบว่ามียอดคำสั่งซื้อข้าวเหนียวมะม่วงพีคสุดถึง 5 เท่า โดยช่วงเวลาที่คนสั่งมากที่สุดคือตั้งแต่ 13.00-17.00 น. คิดเป็น 50% ของออร์เดอร์ข้าวเหนียวมะม่วง งานนี้เรียกได้ว่าพ่อค้าแม่ค้าปอกมะม่วงกันมือขวิดเลยทีเดียว

‘มิลลิเปลี่ยนโลก’ ประโยคนี้คงไม่เกินจริง เพราะสิ่งที่รัฐบาลพยายามแก้ไขเป็นเวลานาน กลับถูกแก้ไขได้ง่ายเพียง 5 นาที ผ่านบทเพลงจากเด็กอายุ 19 ปีเท่านั้น โดยถือเป็นเรื่องที่ดีในการสื่อสารเรื่อง Soft power ซึ่งที่ผ่านมาได้มีตัวอย่างจากหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดเจนคือประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้สร้างกระแสการบริโภคผ่านภาพยนตร์และละคร

แม้ทุกวันนี้รัฐบาลและหน่วยงานราชการต่างๆ จะพยายามจะผลักดัน Soft power อย่างเต็มกำลัง แต่เท่าที่สังเกตกลับพบว่าองค์กรยังคงใช้แนวคิดแบบเดิม ยกตัวอย่าง เมื่อมีการเปิดตัวหรือจัดงานจะต้องมีการเชิญผู้ใหญ่ผู้โตมาคอยยืนถือกรรไกรตัดริบบิ้น แล้วถ่ายรูปเรียงหน้ากระดานกันอยู่ ทั้งๆ ที่ยุคสมัยเปลี่ยน เจนเนอเรชันเปลี่ยน การปรับตัวและรับฟังเสียงเด็กรุ่นใหม่ก็เป็นเรื่่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะพวกเขาเหล่านี้คือคนที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ขณะที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในตอนนี้มีแต่จะแก่ตัวลง ดังนั้นควรส่งเสริมและเปิดโอกาสให้คนรุ่นหลังได้ทำตามความฝันอย่างเต็มที่เต็มกำลังจริงๆ

อย่างไรแล้วไม่ว่าจะวิธีการไหน ถ้าสิ่งนั้นทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในด้านที่ดี ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี และเชื่อว่าในอนาคตจะต้องมีคนไทยอีกหลายคนที่ไปสร้างชื่อ พร้อมเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงามของไทย เพื่อทำให้เป็นที่ประจักษ์ในสายตาชาวโลกได้อีกแน่นอน ทีมงาน BTimes ก็ขอเป็นสื่อในการนำเสนอความสำเร็จของน้องมิลลิอีกครั้งด้วยความภาคภูมิใจ และขอเป็นกำลังใจให้คนที่มีความฝันต่อไปนะคะ เพราะเชื่อว่าคนไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลกค่ะ ^^

BTimes