ประเทศไทยอะไรๆ ก็แพง พอจะขอขึ้นค่าแรงนายจ้างบอกรับไม่ไหว

930
0
Share:
ประเทศไทยอะไรๆ ก็แพง พอจะขอขึ้นค่าแรงนายจ้างบอกรับไม่ไหว - เงินเฟ้อ ค่าแรงขั้นต่ำ

ประเทศไทยอะไรๆ ก็แพง พอจะขอขึ้นค่าแรงนายจ้างบอกรับไม่ไหว - เงินเฟ้อ ค่าแรงขั้นต่ำ
หลังจากเทศกาลแห่งความสุขผ่านพ้นไป คนไทยก็ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากอีกครั้ง เพราะดูเหมือนว่าทุกอย่างจะพร้อมใจกันขึ้นราคาอย่างมิได้นัดหมาย

และแล้วความเดือดร้อนก็ตกมาอยู่กับประชาชนตาดำๆ ที่ต้องมาแบกรับปัญหาค่าครองชีพที่นับวันจะยิ่งแย่ ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เพราะแม้กระทั่งสินค้าอุปโภคพื้นฐานในชีวิตประจำวันอย่างค่าไฟฟ้าก็เตรียมปรับขึ้นเป็น 4 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลานานถึง 4 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม อันมีสาเหตุมาจากราคาพลังงานโลกพุ่งสูง ตลกร้ายคือการปรับราคาไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ดันเกิดในช่วงฤดูอันแสนร้อนระอุของประเทศไทย เรียกได้ว่าเป็นการปาดเหงื่อที่ไม่ได้เกิดจากอากาศเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปาดเหงื่อ เพราะกระเป๋าตังก็ร้อนเช่นเดียวกัน

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คือไม่เว้นแม้กระทั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารเพื่อนทุกข์เพื่อนยากยามสิ้นเดือนของใครหลายๆ คน ก็ตบเท้าขอปรับขึ้นราคาร่วมด้วย และถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้รับการอนุมัติจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ตาม แต่เชื่อว่าอีกไม่นานคงถึงเวลาที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำเป็นที่จะต้องขึ้นราคา รวมถึงยังมีสินค้าอีกมากมายที่เริ่มทยอยขอขึ้นราคากันอย่างต่อเนื่องไปบ้างแล้วก่อนหน้า

ขยับมาในอีกมุมมองหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นสร้างความกลุ้มใจให้กับเหล่านายจ้าง คือหลังจากคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยมีข้อเสนอขอปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 492 บาททั่วประเทศ เนื่องจากเห็นใจชนชั้นแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ในฐานะนายจ้างก็คงแบกรับภาระอันหนักอึ้งเหล่านี้ไม่ไหวเช่นกัน ดังนั้น หากรัฐบาลไม่รีบวางแผนและแก้ปัญหานี้อย่างทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดลุกลามบานปลายจนยากเกินจะแก้ไขก็เป็นได้

แม้จะมีโครงการคนละครึ่งที่รัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นเศษฐกิจ ซึ่งในตอนนี้ได้ดำเนินการมาถึงเฟสที่ 4 แล้ว และจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายนนี้ แม้โครงการนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนผู้มีสิทธิ์ได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือได้อย่างยั่งยืนตลอดไป หากวันใดที่ยอดเงินหมดประชาชนก็ต้องช่วยเหลือตัวเองอยู่ดี แต่สำหรับคนที่เข้าไม่ถึงสิทธิ์ก็ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าใจยิ่งนัก เพราะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100% โดยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ แต่การแบ่งเบาภาระเช่นนี้ก็อาจจะเป็นการทำให้ประชาชนเคยชินกับการถูกรัฐดูแลด้วยเศษเงิน

อนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป เด็กรุ่นใหม่ที่ต้องเติบโตขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับการใช้ชีวิตในวันข้างหน้า พร้อมรับผลของการกระทำที่พวกเขาไม่ได้ก่อ ในฐานะของคนที่เกิดก่อนและเข้ามามีอำนาจหน้าที่ในการบริหาร ก็ควรแก้ปัญหาเหล่านี้และจัดการทุกอย่างให้ถูกต้องเหมาะสม เพื่อไม่เป็นการทิ้งภาระไว้ให้ลูกหลาน

ทีมงาน BTimes ก็ขอส่งกำลังใจให้แฟนเพจทุกคน มีแรงในการใช้ชีวิตในช่วงที่ค่าครองชีพแสนแพงเช่นนี้ และหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะกลับสู่สภาวะปกติ เพื่อรอวันที่เราทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขกันอย่างถ้วนหน้านะคะ สู้ๆ ค่ะ

BTimes