‘เตาอั้งโล่’ คอลเลกชันใหม่ล่าสุดรุ่นมหาเศรษฐี หนึ่งทางเลือกในการใช้ชีวิตยุค 4.0 จริงหรือ?

866
0
Share:

‘เตาอั้งโล่’ คอลเลกชันใหม่ล่าสุดรุ่นมหาเศรษฐี หนึ่งทางเลือกในการใช้ชีวิตยุค 4.0 จริงหรือ?
ถ้าจำกันได้ ก่อนหน้านี้ไทยเคยมีประเด็นการขอยกเลิกเรียนวิชาลูกเสือ-เนตรนารี เหตุเพราะเครื่องแต่งกายมีราคาแพง แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้ใช้ประโยชน์จากการอดทนร่ำเรียนวิชานี้คือพื้นฐานการก่อกองไฟ ซึ่งเมื่อก่อนหลายคนอาจตั้งคำถามว่า ‘เราจะเรียนวิชาเหล่านี้ไปทำไม’ และในวันนี้พื้นฐานเหล่านั้นก็ก่อประโยชน์ขึ้นมาทันตา เพราะคนไทยได้มีนวัตกรรมเตามหาเศรษฐีมาให้ลองใช้งาน

หลังจากที่กระแสเตามหาเศรษฐีถูกปล่อยออกมาสู่สายตามหาชนชาวสยาม ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ รวมถึงการแสดงความคิดเห็น และตั้งคำถามมากมายในสื่อโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับวัตถุประสงค์หลักของแนวคิดนี้ว่าต้องการจะสื่อถึงอะไร เพราะมีกระแสตีกลับในเรื่องนี้ว่าปัจจุบันทั่วโลกมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าพัฒนาไปถึงไหนต่อไหน และมนุษย์สามารถเดินทางไปได้ถึงดวงจันทร์ได้ แต่เพราะเหตุใดคนไทยถึงยังต้องกลับไปใช้เตาถ่านเฉกเช่นยุคโบราณ ทั้งที่เราก้าวผ่านยุคนั้นมานานนมแล้ว

ต่อมา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีนี้ที่ได้มีการแนะนำเตาซุปเปอร์อั้งโล่ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้มีรายได้น้อยที่ยังคงใช้วิถีชีวิตแบบชนบท แต่ไม่เหมาะกับคนเมืองที่อาศัยอยู่คอนโดและอาคารปิด เพราะอาจสร้างการรบกวนในเรื่องกลิ่น ควัน ต่อเพื่อนบ้านและเสี่ยงการเกิดอัคคีภัยได้

พร้อมระบุว่าเตาหุงต้มประสิทธิภาพสูงหรือเตามหาเศรษฐีนี้มีความทนทานมากขึ้น จุดไฟติดเร็วขึ้น ไม่มีควันและแก๊สพิษที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน หุงต้มสุกเร็ว เก็บความร้อนได้นาน สามารถวางหม้อหรือภาชนะประกอบอาหารได้ถึง 9 ขนาด ประหยัดฟืนและถ่านได้มากกว่าเตาอั้งโล่ทั่วไป 25-30% ใช้ถ่านน้อยกว่าเตาอั้งโล่รุ่นเก่าประมาณ 151 กิโลกรัมต่อปี ถ้าถ่านกิโลกรัมละ 12 บาท ก็สามารถประหยัดเงินได้ถึงปีละ 2,418 บาท

ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้คนไทยเกิดน้ำโห อาจเพราะก่อนหน้าเพิ่งมีข่าวการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม แต่การเทคแอคชันของหน่วยงานรัฐบาลกลับกลายมาเป็นข้อแนะนำให้ใช้เตาอั้งโล่ทดแทน แทนที่จะมีมาตรการช่วยเหลือหรือหาวิธีตรึงราคาไม่ให้พุ่งสูงไปมากกว่านี้ั ซึ่งก็เข้าใจในความหวังดีของภาครัฐ เพียงแต่ความหวังดีนี้ดันมาผิดที่ผิดเวลา ผิดแปลกจนน่าใจหาย ทำให้รถทัวร์จ่อแถวยาวจนแทบเคลียร์ไม่ทัน

เห็นข่าวสินค้าอุปโภคบริโภคเตรียมตบเท้าขึ้นราคากันอย่างต่อเนื่องในเดือนหน้า ประชาชนคนไทยอย่างเราเข่าก็แทบทรุด เงินเดือนที่มีอยู่ก็เจียดใช้แทบจะเดือนชนเดือน ส่งผลให้ประชาชนอาจมีความเครียดสะสม ยิ่งพอได้รับสารที่รู้สึกสวนทางกับความรู้สึกและสถานการณ์ที่ประสบ จึงอาจทำให้เกิดเป็นอารมณ์ขึ้นได้ แต่สิ่งที่ประชาชนแสดงออกก็ทำให้เห็นว่าไม่มีใครอยากกลับคืนสู่ยุคดึกดำบรรพ์อีกแล้ว ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือความอยู่รอดของปากท้องเพียงเท่านั้น

ทีมงาน BTimes ก็ขอส่งกำลังใจให้แฟนเพจทุกคนสู้ๆ แม้การเป็นคนไทยจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อว่าพวกเราต้องผ่านทุกอย่างไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน BTimes จะอยู่เคียงข้างทุกคนค่ะ

BTimes