ปรากฏการณ์เขียวทั่วกรุงกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แลนด์สไลด์นี้บ่งชี้อะไรกับทิศทางการเมืองไทย

แม้จะสิ้นสุดเทศกาลหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครกันไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าคนไทยทั่วประเทศจะยังอินอยู่กับผลการเลือกตั้งในครั้งนี้อยู่ไม่น้อย เพราะถือเป็นครั้งแรกกับผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ที่ผู้สมัครอย่างคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์สามารถคว้าชัยชนะแบบถล่มทลายทั้ง 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ หรือที่ได้ยินบ่อยครั้งในช่วงนี้กับคำว่า ‘แลนด์สไลด์’ นั่นเอง

ซึ่งคำว่า แลนด์สไลด์ (Landslide victory) เป็นศัพท์ทางการเมืองที่หมายถึง ผู้สมัครเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย โดยคำนี้เริ่มปรากฎครั้งแรกในสื่ออเมริกันช่วงคริสต์ทศวรรษ 1800 แต่ในประเทศไทยเพิ่งมีการนำมาใช้เป็นครั้งแรกจากปรากฎการณ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครครั้งนี้นี่เอง

นอกจากคนกรุงเทพฯ แล้ว เห็นได้ว่าความสนใจในครั้งนี้แผ่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพราะคนต่างจังหวัดก็ต่างจับตามองผลการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะกรุงเทพมหานครคือศูนย์กลางของประเทศ ถ้าเมืองหลวงได้รับการพัฒนาก็เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อจังหวัดอื่นๆ เช่นกัน ทั้งยังมีประชาชนบางกลุ่มที่อยู่ต่างจังหวัดแง้มความคิดว่าอยากให้จังหวัดของตนเองมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้งอย่างเช่นกรุงเทพมหานครบ้าง ซึ่งในอนาคตสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นจริงก็เป็นได้ และจะดีกว่าหรือไม่หากทุกตำแหน่งที่เข้ามามีบทบาท อำนาจ และหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองจะมาจากการเลือกสรรโดยตรงจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย

หลังจากห่างหายจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครไปถึง 8 ปี แต่ผู้คนกลับคึกคักและตั้งตารอที่จะมาใช้สิทธิ์อยู่ไม่น้อย โดยอีกสิ่งที่เห็นได้ชัดจากปรากฎการณ์ดังกล่าว คือการที่เด็กรุ่นใหม่มีความสนอกสนใจและตื่นตัวในการออกเสียงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบ้านการเมืองมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอนาคตประเทศไทยที่จะต้องถูกขับเคลื่อนด้วยบุคคลรุ่นใหม่เหล่านี้ดูจะมีความหวังว่าจะถูกพัฒนาไปในทางที่ดี สิ่งนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยในการปกครองของผู้มีอำนาจจากรุ่นเดิมสู่รุ่นใหม่ โดยมีตัวเชื่อมคือคนรุ่นเก่าที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล พร้อมเปิดใจรับฟัง และลงมือเพื่อพัฒนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าความคิดเห็นต่างๆ ของคนรุ่นใหม่จะถูกต้องไปเสียทุกอย่าง บางครั้งอาจต้องขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากคนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์มากกว่าเข้ามาช่วย

คงจะดีไม่น้อยหากว่าสักวันหนึ่งไทยจะมีผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่มาทำงานร่วมกัน โดยอาศัยความชำนาญของแต่ละรุ่นมาประยุกต์ปรับใช้ และช่วยกันบริหารบ้านเมือง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือพวกพ้องเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

ทีมงาน BTimes ก็หวังว่าปรากฎการณ์แลนด์สไลน์ในครั้งนี้ จะสามารถปลุกกระแสให้คนไทยทุกคนออกมามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น อีกทั้งยังเชื่อว่าสักวันหนึ่งประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศที่เจริญแล้วเทียบเท่าประเทศอื่นได้อย่างแน่นอน ท้ายนี้ก็หวังว่าแฟนเพจทุกคนจะมีความหวังและเชื่อมั่นในประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ค่ะ