“โควิดกระจอก” ไทยคิ้วขมวด ห่วงโอไมครอนจะซ้ำรอยระบาดเดิมอีกครั้ง?

959
0
Share:

“โควิดกระจอก” ไทยคิ้วขมวด ห่วง โอไมครอน จะซ้ำรอยระบาดเดิมอีกครั้ง?

ในที่สุดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่อย่าง ‘โอไมครอน’ ก็ได้ลุกลามไปแล้วทั่วโลก จากครั้งแรกที่พบการระบาดในตอนใต้ของทวีปแอฟริกาใต้ แต่ ณ ตอนนี้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์นี้ ดูท่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้หลายประเทศกลับเข้าสู่สภาวะล็อคดาวน์อีกครั้ง

โลกต่างจับตากับสถานการณ์การระบาดของเชื้อโอไมครอน

ล่าสุด (24 ธันวาคม 2564) ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนสะสม 205 ราย เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 25 ราย ซึ่งขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ลามไปแล้วกว่า 106 ประเทศทั่วโลก หรืออาจมากกว่านี้ โดยยุโรปกลายเป็นภูมิภาคที่ได้รับศึกสาหัส ส่งผลให้ประชาชนในหลายประเทศของโซนยุโรปต้องรับมืออย่างหนักในการระบาดครั้งนี้ อีกทั้งวานนี้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ก็ได้ทำสถิติสูงสุด ทั้งในอังกฤษ อิตาลี และฝรั่งเศสถึง 91,608 คน ลามไปจนกระทั่งลอนดอนมีคำสั่งยกเลิกการจัดงานเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อย

ข้ามไปยังโซนอเมริกาก็มีการระบาดทั่วประเทศครบ 47 รัฐแล้ว ทั้งนี้ยังยืนยันว่าโอไมครอนมีการกลายพันธุ์ 3 สายพันธุ์ แต่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่แน่ชัด

ส่วนอัตราการแพร่ระบาดหรือความรุนแรงนั้น อ้างอิงจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ด้วยการนำตัวอย่างเยื่อในหลอดลมของผู้ติดเชื้อไปตรวจสอบ พบว่าระบบทางเดินหายใจในระดับหลอดลมมีการแพร่ขยายเชื้อเร็วกว่าเดลต้า 70 เท่า แต่ในบริเวณปอด ซึ่งเป็นจุดอันตราย โอไมครอนแพร่กระจายได้น้อย และไม่ทำลายปอดได้เท่าเดลต้า โดยน้อยกว่าเชื้อเดลต้า หรือสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 10 เท่า เท่ากับว่าหากเชื้อโอไมครอนลามลลงปอดก็จะไม่รุนแรงเท่าเชื้อสายพันธุ์อื่นๆ ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือเชื้อโอไมครอนมีความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันของวัคซีนได้

ไทยจะสามารถรับมือโอไมครอนได้ไหม แล้วหลังปีใหม่จะระบาดอีกรอบหรือเปล่า

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทยตอนนี้ก็ดูท่าจะน่าเป็นห่วง เพราะถึงแม้จะพบผู้ติดเชื้อเพียงแค่หลักร้อย แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะไม่เกิดการระบาดเพิ่มขึ้นดังเช่นในอดีตที่เคยพบผู้ติดเชื้อต่อวันแตะหลักหมื่น โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคนไทยหลายคนเกิดอาการหัวร้อนกับคำพูดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่พูดว่า “โควิดกระจอก” ซึ่งมีเนื้อความว่า “ยังยืนยัน COVID-19 เป็นเชื้อไวรัสติดเชื้อที่กระจอก แม้จะกลายพันธุ์เป็นหลายสายพันธุ์ ตราบใดยังคงเป็นไวรัส COVID-19 ประเทศไทยพร้อมในเรื่องของวัคซีนยิ่งปี 65 ทั้งปี ชาวบ้านไม่ต้องไปจอง ฉีดได้ทั้งปีไม่ว่าเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 ก็ฉีดให้” โดยก่อนหน้านี้ช่วงปลายปีที่แล้วก่อนเชื้อเดลต้าระบาด นายอนุทินก็ได้พูดคำนี้ไป แต่สุดท้ายเดลต้าก็ระบาดจนต้องล็อคดาวน์ปิดเมืองทั้งประเทศ มีผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ไม่ต่ำกว่าสองหมื่นรายต่อวัน อีกทั้งในขณะนั้นไทยไม่มีความพร้อมทางการแพทย์ที่จะรับผู้ป่วยได้เพียงพอ ทำให้มีประชาชนที่ติดเชื้อบางคนต้องเสียชีวิตภายในบ้าน จากคำพูดนี้ยิ่งตอกย้ำให้ชาวเน็ตต่างตีคำถามกลับไปว่ากล้าพูดได้อย่างไรว่าโรคนี้มันกระจอก ซึ่งหลังจากเกิดดราม่าได้ไม่นาน นายอนุทินก็ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจงความหมายของคำว่า “กระจอก” ที่กล่าวออกไป คือตั้งใจจะสื่อให้เห็นว่าไวรัสชนิดนี้ทำอะไรคนไทยไม่ได้นั่นเอง

หลังจากที่ได้เห็นคำแถลงของนายอนุทิน หลายคนได้ตั้งคำถามว่า ผู้ติดเชื้อกว่า 2,202,001 ราย และผู้เสียชีวิต 21,501 ราย (24 ธันวาคม 2564) ทำให้คิดว่ากระจอกได้จริงๆ ใช่หรือไม่ อ้างอิงจากปัจจุบันที่ยอดผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทยมีจำนวน 205 คน ตัวเลขนี้สามารถทำให้กลายเป็นหมื่นได้ง่ายๆ หากว่าประเทศไทยยังดันทุรังจัดงานฉลองปีใหม่ ทีมแพทย์คงต้องรับมือกันอย่างหนักอีกครั้งในช่วงเทศกาลนี้จบลง เพราะไม่มีใครรู้ว่าเชื้อนี้จะลุกลามอย่างหนักเหมือนครั้งก่อนหรือไม่

ทางด้านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ออกคำสั่งปิดรับนักท่องเที่ยวรายใหม่เข้าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ทางด้านนักท่องเที่ยวที่ค้างในระบบที่จะเดินทางเข้ามาก็ต้องเข้มงวดในเรื่องของการควบคุมการแพร่ระบาด ทั้งยังบอกอีกว่าอย่าประมาท

ทางด้าน กทม. ถึงกับประกาศยกเลิกการจัดงานปีใหม่ และการสวดมนต์ข้ามปี ประจำปี 2565 ณ ลานคนเมือง หลังโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วในประเทศ

ส่วนภาคเอกชนที่ขอจัดงาน ก็ขอความร่วมมือให้คุมเข้ม และใช้มาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด พร้อมตรวจ ATK ผู้เข้าร่วมงานก่อนเข้าร่วมงานภายใน 72 ชม.

ท้ายนี้ หวังว่าคนไทยจะมีปีใหม่ที่ดี หากใครเดินทางไปเที่ยวก็ขอให้การ์ดห้ามตก เพราะโรคกระจอกอาจไม่กระจอกอีกต่อไป ถ้าประเทศไทยต้องเจอการล็อคดาวอีกครั้ง… ทีมงาน BTimes ขอเป็นกำลังใจ และร่วมส่งสุขปีใหม่ให้ลูกเพจทุกท่านมีแต่ความสุข สมหวังทุกประการตามที่คาดหวังนะคะ

BTimes