กลับมาแกร่ง! เศรษฐกิจสหรัฐทะยาน 6.4% ในไตรมาส 1 ดีที่สุดในรอบ 17 ปี มีลุ้นโตถึง 7% ปีนี้

663
0
Share:

กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา แถลงว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ทะยานสูงถึง 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2563 ทำสถิติการขยายตัวรายไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2003 หรือในรอบ 17 ปีครึ่ง นอกจากนี้ยังเป็นการขยายตัวต่อเนื่องถึง 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยขยายตัวต่อจากไตรมาสที่ 4 ในปีที่แล้วที่เติบโตถึง 4.3%

.
ภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ สะท้อนได้จากการบริโภคของประชาชนชาวอเมริกันพุ่งทะยานถึง 10.7% ทำสถิติอัตราการใช้จ่ายรายไตรมาสที่เติบโตเร็วที่สุดในรอบ 60 ปี หรือตั้งแต่ในยุคทศวรรษที่ 1960 ผลจากไตรมาสที่ 1 มีตัวเลขจีดีพีขยายตัวสูงถึง 6.4% ทำให้ขนาดเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวสูงถึง 19.09 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 611 ล้านล้านบาท ซึ่งเข้าใกล้ขนาดเศรษฐกิจสหรัฐช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ในปี 2563 ซึ่งในขณะนั้นมีขนาดเศรษฐกิจที่ 19.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 618 ล้านล้านบาท ด้านภาวะการลงทุนทางธุรกิจ และอสังหาริมทรัพย์ใน

.

สหรัฐอเมริกาขยายตัวมากถึง 2 หลัก พบว่าการลงทุนจากธุรกิจต่างชาติเพิ่มขึ้น 9.9% ขณะที่การลงทุนโดยชาวอเมริกันกลับมาทะยานถึง 10.8%
ปัจจัยบวกที่มีแรงส่งให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 1 ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และต่อเนื่อง เกิดจากการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ภาวะการจ้างงานที่ขยายตัวเร็ว และมาตรการอัดฉีดเงินจากรัฐบาลกลางสหรัฐจำนวน 2 รอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานาธิบดีสหรัฐ นายโจ ไบเดน ได้ผ่านกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 61 ล้านล้านบาทในเดือนมีนาคม ที่สำคัญ หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในกฎหมายฉบับนี้อยู่ที่การอัดฉีดเงิน 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 44,800 บาทให้กับประชาชนชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่

.
การยกเลิกมาตรการจำกัดทางภาคธุรกิจ ความต้องการของผู้บริโภคที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ภาวะสต๊อกคงค้างสินค้าลดลงอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในสหรัฐอเมริกา และตลาดต่างประเทศ รวมถึงการใช้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐที่ต่ำเป็นประวัติศาสตร์ระหว่าง 0-0.25% ตลอดทั้งปี 2563

.
ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโจ ไบเดน กำลังเสนอกฎหมายเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาอีก 2 ฉบับ ได้แก่ โครงการเมกะโปรเจ็คโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 74 ล้านล้านบาท และโครงการลงทุนด้านสังคมในการพัฒนาการศึกษา ครอบครัว และเยาวชนทั่วประเทศมูลค่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 58 ล้านล้านบาท

.
ในปี 2563 ที่ผ่านมานั้น ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาตกต่ำอย่างรุนแรงครั้งประวัติศาสตร์จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ผนวกกับมาตรการปิดล็อกเมืองอย่างเข้มข้นเพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ชาวอเมริกันจำนวนมหาสารกว่า 22 ล้านคนตกงาน ส่งผลกระชากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ดำดิ่งอย่างรุนแรงถึง -31.4% จากนั้นถัดมาในไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาสามารถพลิกฟื้นขึ้นถึง 33.4% ทำให้มีชาวอเมริกันกลับมามีงานทำเพิ่มขึ้นราว 14 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐยังคงประเมินว่า ชาวอเมริกันยังคงไม่มีงานทำอีก 8.4 ล้านคนเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ด้านอัตราการว่างงานพุ่งสูงแตะ 14.7% ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6% ซึ่งยังคงห่างจากอัตราการว่างงานที่ทำสถิติเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2563

.
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำจำนวนไม่น้อยในสหรัฐอเมริกา ประเมินว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในปีนี้ ขยายตัวได้ถึง 7% นั่นหมายถึงจะเป็นปีที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 37 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1984