กันเดลต้าได้! สิงคโปร์ชี้ฉีดให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ต้านสายพันธุ์อินเดียได้เกือบ 70%

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ และศูนย์ศึกษาโรคระบาดติดเชื้อแห่งชาติ สิงคโปร์ หรือ NCID เปิดเผยว่า ผลการศึกษาติดตามการสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย ซึ่งมีการแพร่กระจายและติดเชื้ออย่างรวดเร็วมากกว่าทุกสายพันธุ์นั้น พบว่า การฉีดวัคซีนในประชาชนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่จะมีประสิทธิภาพในภาพรวมถึง 69% ในการป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า หรือสายพันธุ์อินเดีย ไม่ว่าผู้ติดเชื้อจะมีอาการ หรือไม่แสดงอาการก็ตาม

นอกจากนี้ ข้อมูลจากการศึกษายังพบว่า ในกรณีการติดเชื้อและเชื้อมีการแสดงอาการนั้น การฉีดวัคซีนจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเป็น 80-90% ในการป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า หรือสายพันธุ์อินเดีย

ในขณะเดียวกัน การฉีดให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปเป็น 93% ในการป้องกันภาวะอาการป่วยรุนแรงในตัวผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจในห้องไอซียู

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข สิงคโปร์ กล่าวต่อไปว่า ผลการศึกษาดังกล่าว ได้มาจากการทดลองกับประชาชนใน 1,000 ครัวเรือนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงระหว่างเดือนกันยายน 2563 ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผลการศึกษาในครั้งนี้จะถูกส่งไปตีพิมพ์ในวาสารการแพทย์นานาชาติต่อไป ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของประเทศสิงคโปร์ในการศึกษาทำความเข้าใจโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย

นายออง ยีคุง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข สิงคโปร์ กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลนับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นมา มีเพียง 1% ของประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ป่วยจากโรคโควิด-19 ที่ต้องใช้ออกซิเจน และไม่มีใครเลยที่มีอาการถึงขั้นเข้ารักษาในห้องไอซียู แต่มีราว 10% ของประชาชนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน มีอาการป่วยรุนแรง

ขณะนี้ ประชาชนชาวสิงคโปร์ราว 2 ใน 3 หรือ 67% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม ดังนั้น คาดว่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมดจะได้รับการฉีดครบทุกโดสในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในวันนี้ 7 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 12 ราย ส่งผลให้ยอดติดสะสมเป็น 62,652 ราย อยู่อันดับที่ 110 ของโลก และอันดับ 6 ของอาเซียน และไม่พบผู้เสียชีวิต ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมทรงตัวที่ 36 ราย