คกก.โรคติดต่อฯ เล็งปรับมาตรการโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นของประเทศไทย

365
0
Share:
โควิด

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบหลักการเกี่ยวกับการเตรียมการเพื่อพิจารณาให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และการจัดตั้งคลินิกวัคซีนผู้ใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน รวมถึงการการสร้างภูมิคุ้มกันโรคอื่น ๆ เพื่อความมั่นคงทางสุขภาพ

สำหรับแนวทางการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขในระยะต่อไปจะดำเนินการในด้านต่าง ๆ เพื่อให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นประชาชนกลับไปใช้ชีวิตและประกอบอาชีพได้ และการประกอบธุรกิจในระยะต่อไปจะต้องเป็นไปแบบ New Normal ส่วนความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขณะนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมประชาชนได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะใน กทม.ถือว่าเกิน 100% แล้ว เนื่องจากมีประชากรแฝงใน กทม.ที่ได้รับวัคซีนด้วย

ขณะที่ผู้ได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ยังอยู่ที่ 20% เนื่องจากต้องรอให้ครบรอบการได้รับวัคซีนก่อน แม้ส่วนใหญ่จะยังได้เข็ม 2 แต่ภูมิคุ้มกันก็อยู่ระดับสูงเนื่องจากเป็นการได้รับวัคซีนสูตรไขว้ ส่วนของบุคลาการทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้าที่ต้องสัมผัสคนจำนวนมากขณะนี้ก็ได้รับวัคซีนเข็ม 4 ไปครบ 100% แล้ว

นายอนุทิน กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมวัคซีนโควิด-19 สำหรับเข็มกระตุ้นที่เพียงพอสำหรับประชาชน ทั้งในส่วนของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนไฟเซอร์ก็มีการสั่งเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี 3 แสนโดสแรกตอนนี้ก็ได้มาถึงประเทศไทยแล้ว โดยผู้ผลิตจะทยอยส่งสัปดาห์ละ 3 แสนโดสไปจนกว่าจะครบตามคำสั่งซื้อ ซึ่งจะได้กระจายไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยเริ่มจากเด็กกลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มก่อน และขยายไปยังเด็กในโรงเรียน

ทั้งนี้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กได้รับอนุมัติจาก อย.ให้ฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปีได้ ส่วนวัคซีนซิโนแวคอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียน โดยในปีนี้รัฐบาลมีแผนการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็ก (Pediatric vaccine) รวม 10 ล้านโดส