คลังหวั่นจีดีพีเติบโตไม่ได้ตามเป้าที่ 2.8%

822
0
Share:

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ซึ่งเป็นการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ว่า ในส่วนทิศทางของนโยบายอัตราดอกเบี้ยของไทย เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ที่จะดูแลเรื่องนี้ โดยเชื่อว่า ธปท. จะมีข้อมูลที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และไทยเพื่อใช้ในการพิจารณากำหนดทิศทางนโยบายดอกเบี้ย
.
ด้านนายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า กรณีที่เฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เป็นตามไปตามคาดการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. โดย ธปท. ไม่ขอให้ความเห็นกรณีเงินทุนเคลื่อนย้าย เพราะใกล้ช่วงประชุม กนง. จึงกังวลว่าอาจจะเป็นการชี้นำตลาด
.
ส่วนเศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย. 2562 ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้า -1.5% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 จากภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังไม่ฟื้นตัว และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่หดตัว ส่งผลให้การส่งออกยังคงหดตัวในหลายหมวดสินค้า
.
ส่วนกรณีที่สหรัฐตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP ไม่ได้มีผลมากนักต่อการส่งออกในภาพรวม โดยมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐอยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ฯต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.5% ของมูลค่าส่งออกโดยรวม จากการวิเคราะห์ของกระทรวงพาณิชย์และธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่าหากมีการขึ้นภาษีโดยเฉลี่ย 5% จะกระทบการส่งออกไทยในปีนี้ลดลง 0.01% เท่านั้น ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มอาหาร
.
สำหรับแนวโน้มการส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ -2.7% หากจะทำให้การส่งออกทั้งปีอยู่ที่ -1% การส่งออกในไตรมาส 4 จะต้องขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 แต่จากการประเมินตัวเลขล่าสุดจีดีพีในไตรมาส 3 มีแนวโน้มจะไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.9% เนื่องจากการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนไม่ได้ขยายตัวตามที่คาด ส่วนจะมีผลให้เศรษฐกิจทั้งปีเป็นไปตามเป้าที่ 2.8% หรือไม่ จะต้องขอดูภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 4 อีกครั้ง