ค่าไฟแพงกระทบแน่! สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ห่วง 6 ภาคการผลิตกระทบค่าไฟ ม.ค.-เม.ย.

266
0
Share:
ค่าไฟแพงกระทบแน่! สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ห่วง 6 ภาคการผลิตกระทบ ค่าไฟ ม.ค.-เม.ย.

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 95.11 หดตัว 5.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นการหดตัวสูงสุดในรอบ 15 เดือน นับจากเดือนก.ย.64 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 62.63% ปรับขึ้นจากต.ค. 65 ที่อยู่ระดับ 59.84% ส่งผลให้ MPI 11 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-พ.ย.65) เฉลี่ยอยู่ที่ 98.68 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตสะสม 11 เดือน เฉลี่ยอยู่ที่ 63.02% สศอ.จึงคาดการณ์ว่าตลอดปี 2565 MPI จะขยายตัว 1% และGDPอุตสาหกรรม 2% ส่วนปี 2566 คาดการณ์ว่าMPI และGDPอุตสาหกรรมจะโตเฉลี่ย 2.5-3.5%

“การที่ดัชนี MPI เดือนพ.ย. หดตัวมาจากปัจจัยหลักการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก ซึ่งจะกลับมาสู่ภาวะปกติในเดือนธ.ค. 65 “นางวรวรรณ กล่าว

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่าภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ช่วง 11 เดือนยังปรับตัวดี เป็นผลจากการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น สะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาข้อจำกัดในการผลิตได้คลี่คลายลง อาทิ ค่าระวางเรือมีทิศทางลดลง รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้คาดว่าดัชนีอุตสาหกรรมจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2566

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังและติดตาม ได้แก่ ราคาพลังงานที่ทรงตัวในระดับสูง การปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนกระทบต่อภาคการส่งออก และทิศทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย

ทั้งนี้ สศอ. ได้ทำการวิเคราะห์ถึงผลกระทบภาคอุตสาหกรรมกรณีการปรับขึ้นค่า Ft งวดม.ค.-เม.ย. 66 ซึ่งงวดนี้จะปรับค่า Ft เฉพาะอัตราประเภทอื่นๆ อาทิ ภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ บริการ ฯลฯ เป็นค่าไฟเฉลี่ย 5.69 บาทต่อหน่วย อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากสุดเพราะต้องอาศัยไฟฟ้าสูงในการผลิตได้แก่
1. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
2. อุตสาหกรรมซีเมนต์
3. อุตสาหกรรมสิ่งทอ
4. อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์คอนกรีต
5. อุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย
6. อุตสาหกรรมเซรามิค

และสิ่งที่น่าห่วงคือวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (MSME) ที่จะรับผลกระทบมากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่