จัดครบวงจร! สรรพสามิตจ่ออุดหนุนราคาแบตเตอรี่รถไฟฟ้า หวังกดราคาขายลดลง

247
0
Share:
จัดครบวงจร! สรรพสามิต จ่ออุดหนุนราคา แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า หวังกดราคาขายลดลง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าการอุดหนุนราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า จะคล้ายกับการอุดหนุนราคาให้กับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าต่ำลง ใกล้เคียงกับราคารถยนต์ระบบสันดาปภายในหรือรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินอุดหนุนเท่าไหร่นั้น ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการอุดหนุนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)เพื่อทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ถูกลงอีก สำหรับแนวทางการอุดหนุนราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอยู่มี 3 ส่วน ได้แก่ การอุดหนุนในระดับ Cell หรือการอุดหนุนตั้งแต่กระบวนการผลิตโดยเริ่มจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตจนถึงการผลิตสำเร็จ การอุดหนุนในระดับ Module ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์จะมีหลาย Module สามารถเปลี่ยนเฉพาะ Module ที่เสื่อมสภาพได้ และการอุดหนุนราคาในระดับ Pack หรือแบตเตอรี่ทั้งลูกที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม การออกมาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ จะต้องมีการหารือกับผู้ผลิต เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย โดยอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ถือเป็น New S curve ของอุตสาหกรรมของไทย ที่สอดคล้องกับนโยบายในระดับสากลที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม (ESG) ด้วยการใช้พลังงานที่สะอาด ซึ่งตัวแบตเตอรี่ นอกจากจะมาใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นได้อีกด้วย ดังนั้น มาตรการสนับสนุนจำเป็นต้องพิจารณาให้ครอบคลุม แต่อย่างไรก็ตามในระยะแรกจะพิจารณามาตรการสนับสนุนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าก่อน

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ประเภท BEV หลายมาตรการ มาตรการที่สำคัญ คือ การให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อรถ BEV สำหรับรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ราคาขายไม่เกิน 2 ล้านบาท และมีขนาดความจุของแบตเตอรี่ตั้งแต่ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมงแต่น้อยกว่า 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง จำนวนเงินอุดหนุน 70,000 บาทต่อคัน และสำหรับรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีขนาดความจุของแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป จำนวนเงินอุดหนุน 150,000 บาทต่อคัน

สำหรับรถยนต์กระบะประเภท BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท เฉพาะรถยนต์กระบะที่ผลิตในประเทศและมีขนาดความจุของแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป (เฉพาะรถยนต์กระบะที่ผลิตในประเทศเท่านั้น) จำนวนเงินอุดหนุน 150,000 บาทต่อคัน และกรณีรถจักรยานยนต์ประเภท BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 150,000 บาท จำนวนเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคัน