จับตาผันผวน! เงินบาทเปิดตลาดที่ 35.40 บาทต่อดอลลาร์ จับตาถ้อยแถลงเฟด
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยภาวะตลาดเงินว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.40 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.42 บาทต่อดอลลาร์และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.30-35.60 บาท/ดอลลาร์ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมจะได้แรงหนุนจากความหวังว่า ทางการจีนอาจผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID ได้เร็วกว่าคาด จากแรงกดดันของการประท้วงในหลายพื้นที่
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ธนาคารมองว่า การกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินบาท (หลุดโซนรับแรกที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์) นั้นมาจากประเด็นความหวังของผู้เล่นในตลาดที่มองว่า ทางการจีนจะสามารถทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด COVID-19 ได้เร็วกว่าคาด แม้ว่า เงินดอลลาร์จะมีทิศทางแข็งค่าขึ้น และราคาทองคำย่อตัวลงก็ตาม ซึ่งเรามองว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อใกล้โซนแนวรับแถว 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ได้ หากทางการจีนมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดตามที่ตลาดคาดหวัง แต่ต้องระวังความผันผวนที่อาจกลับมาและกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทก็อาจผันผวนอ่อนค่าลงได้ หากถ้อยแถลงของประธานเฟดเน้นย้ำจุดยืนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด จนกว่าเฟดจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่าเฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย จนแตะระดับสูงกว่า 5.00%-5.25% ที่ตลาดคาดการณ์ไว้ล่าสุด อย่างไรก็ดี หากเงินบาทผันผวนในฝั่งอ่อนค่าลง ประเมินว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าหนักมากจนทะลุ โซนแนวต้านแถว 35.90-36.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ง่ายนัก เนื่องจากบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทย ทั้งหุ้นและบอนด์สุทธิอยู่ ส่วนผู้เล่นต่างชาติบางส่วนก็รอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลง เพื่อเพิ่มสถานะ Short USDTHB (มองว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นได้)
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ไม่ได้รุนแรงมากเช่นในฝั่งสหรัฐฯ หรือ ยุโรป จะทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 1.25% ดังนั้นควรติดตามคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้า รวมถึงปัจจัยเสี่ยงที่ กนง. กังวล เพื่อประเมินแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของไทย (ล่าสุด เรามองว่า กนง. จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้ถึงระดับ 2.00% ในกลางปีหน้า)
