จีนล็อกดาวน์สู้โควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจเสียหายเดือนละกว่า 1.5 ล้านล้านบาท

นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง หรือ Chinese University of Hong Kong เปิดเผยว่า มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่จะมีมากถึงเดือนละ 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.56 ล้านล้านบาท หรือกระทบจีดีพีจีนถึง 3.1% จากมาตรการล็อกดาวน์ในจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่สำคัญ มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจีนจะพุ่งขึ้น 2 เท่า ถ้าหากต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกในอนาคตตามนโยบายไม่อยู่ร่วมกับโรคระบาดโควิด-19

ต้นทุนทางเศรษฐกิจกับมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เป็นที่ชัดเจนว่ามีขนาดมากกว่าประเทศอื่นๆทั่วโลก ผลกระทบในสัดส่วน 3.1% ต่อจีดีพีจีนแผ่นดินใหญ่ถือเป็นการประเมินขั้นต่ำสุด ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายที่ 295,000 ล้านหยวน (46,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือราว 1.57 ล้านล้านบาท

ศาตราจารย์เจิ้ง มิเชล-ซอง นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง กล่าวต่อไปว่า เฉพาะการล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือว่าเป็นการล็อกดาวน์เมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีนแผ่นดินใหญ่ อาจทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนตกต่ำมากถึง 4% ดังนั้น ถ้าหากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ใช้มาตรการล็อกดาวน์กับเมืองใหญ่จำนวน 4 เมืองพร้อมๆกัน จะกระชากตัวเลขจีดีพี หรืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนดำดิ่งหนักมากถึง 12%

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด นั่นหมายถึงการระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนพุ่งสูงต่อเนื่อง และรัฐบาลล็อกดาวน์ทั้งหมด 53 เมืองเป็นเวลา 1 เดือน จะพบว่าตัวเลขจีดีพี หรืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนทรุดหนักอย่างมากถึง 53%

ด้านธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ได้ประเมินพื้นที่การระบาดในระดับความเสี่ยงปานกลางไปถึงระดับเสี่ยงสูงสุดที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์แม้จะเป็นเพียงบางส่วนก็ตาม จะกระทบต่อจีดีพีจีนถึง 33%

ศาตราจารย์เจิ้ง มิเชล-ซอง เปิดเผยว่า การประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ภายใต้สถานการณ์ล็อกดาวน์ โดยเฉพาะในนครเซี่ยงไฮ้ พบว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ต้องสลับปิดตัวลงในช่วงเวลา 10 วันนั้น ทำให้ปริมาณรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ลดลงมากถึงกว่า 40% ที่สำคัญ กิจกรรมทางเศรษฐกิจในนครเซี่ยงไฮ้จะตกต่ำมากกว่านี้ หากรัฐบาลจีนใช้โมเดลการล็อกดาวน์เหมือนกันที่ใช้กับเมืองฉางชุน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลจี้หลิน ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 อันดับ 2 ในจีนแผ่นดินใหญ่