จีน-รัสเซียเลิกใช้ดอลลาร์เป็นสกุลกลาง

1151
0
Share:

ในช่วงที่ผ่านมา จีน กับ รัสเซีย ใช้เวลาหลายปี ในการลดความสำคัญการใช้ดอลลาร์สหรัฐ เป็นเงินสกุลกลางในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ และขณะนี้ความพยายามดังกล่าวเริ่มส่งผลชัดเจนขึ้น โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ การใช้เงินดอลลาร์ เพื่อซื้อขายระหว่างประเทศลดลงเกือบ 50 %
.
รายงานของหนังสือพิมพ์ Moscow daily Izvestia ชี้ให้เห็นว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เงินดอลลาร์สหรัฐ หมุนเวียนอยู่ในระบบการค้าระหว่างประเทศ ประมาณ 90 % แต่ในขณะนี้ มีการใช้เงินดอลลาร์ เป็นสกุลกลาง อยู่ที่ประมาณ 46 % เท่านั้น ทั้งที่ในปี 2561 ยังมีการใช้ดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลกอยู่ 75 % ซึ่งเป็นการลดลงอย่างรวดเร็วเกินคาดการณ์
.
โดยเงินสกุลอื่นๆ ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดโลก อีก 54 % แบ่งออกเป็นเงินหยวนของจีน 17 % , เงินยูโร 30 % และเงินรูเบิ้ลของรัสเซียอีก 7 %
.
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินดอลลาร์ หายไปจากตลาดโลกก็คือ สงครามการค้าระหว่างจีน กับ สหรัฐ เพราะเมื่อจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ถูกกีดกันออกไปจากการทำการค้ากับสหรัฐ ก็ย่อมมีการใช้เงินดอลลาร์ลดลงตามไปด้วย และแม้ว่าธุรกิจบางส่วนจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสงครามการค้า แต่การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงการเป็นปรปักษ์กับจีนอย่างชัดเจน ก็ย่อมส่งผลกระทบไปถึงภาคส่วนอื่นๆเช่นกัน
.
นอกจากนี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของ รัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียจะหันไปใช้สกุลเงินท้องถิ่น ของประเทศคู่ค้าให้มากขึ้น เช่น การใช้เงินยูโร กับประเทศในยูโรโซน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า รัสเซียใช้เงินดอลลาร์ในการค้าระหว่างประเทศลดลง
.
เมื่อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาคมโลก รวมทั้ง จีน กับ รัสเซีย เริ่มหันไปหาสินทรัพย์ที่มั่นคง กว่าการเก็บเงินตรา ด้วยการกว้านซื้อทองคำไปเก็บไว้เป็นหลักประกัน จนราคาทองพุ่งขึ้นสูงในขณะนี้ ก็ยิ่งทำให้ เงินดอลลาร์มีความสำคัญลดลง ไปอีก
.