ชาวจีนชุมนุมประท้วงหลายเมืองใหญ่ไม่เอาโควิดในจีน ทุบราคาน้ำมันดิบในเอเชียเช้านี้ดิ่ง
วันนี้ 28 พฤศจิกายน 2565 เวลา 9.15 น. ตามเวลาไทย ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบโลกในเอเชียที่สิงคโปร์ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 75.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.4% สอดคล้องกับ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เคลื่อนไหวที่ 82.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.01 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.2% ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ 10 เดือนผ่านมา
สาเหตุจากนักลงทุนหวั่นวิตกกับภาวะเศรษฐกิจจีนที่จะชะลอตัวลงต่อเนื่อง และสถานการณ์การเมืองในจีนที่ถูกท้าทายด้วยการชุมนุมประท้วงจากความขัดแย้งของประชาชนชาวจีนที่รวมตัวประท้วงรัฐบาลจีนในเมืองหลักสำคัญขนาดใหญ่ เช่น กรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น เฉิงตู เป็นต้น ด้วยการต่อต้านนโยบายไม่อยู่ร่วมโรคโควิด-19 และการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว การชุมนุมที่ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายเมืองเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์ผ่านมา และไม่มีทีท่าว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะยุติการประท้วงดังกล่าว
ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 76.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.1% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 83.63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.71 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ลดลง -4.7% และ -4.6% ตามลำดับ และยังเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ต่อเนื่อง
สาเหตุจากบรรยากาศซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบางหลังเปิดทำการได้เพียงวันเดียวก็เข้าสู่สุดสัปดาห์ ขณะที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลกทั้ง 7 ประเทศ หรือกลุ่มจี 7 เปิดเผยว่า กำลังมองหาช่วงราคาที่เหมาะสมในการประกาศใช้มาตรการเพดานราคาน้ำมันดิบที่ขนส่งทางทะเลจากประเทศรัสเซีย ซึ่งอยู่ระหว่าง 65-70 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามาตรการดังกล่าวจะกระทบต่อปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกมากน้อยแค่ไหน
