ชาวจีน 2,000 ล้านคนเริ่มเดินทาง 40 วันเทศกาลตรุษจีนในประเทศ ครั้งแรกที่ไม่ห้ามเดินทาง

337
0
Share:
ชาว จีน 2,000 ล้านคนเริ่ม เดินทาง 40 วันเทศกาล ตรุษจีน ในประเทศ ครั้งแรกที่ไม่ห้ามเดินทาง

รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม จีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เป็นวันแรกของการเดินทางของประชาชนชาวจีนภายในประเทศเพื่อร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนที่จะมีระยะเวลานานถึง 40 วันในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ยกเลิกมาตรการห้ามเดินทางข้ามภูมิภาคภายในประเทศนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ใน 3 ปีผ่านมา

โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเป็นจำนวนกว่า 2,000 ล้านคนที่จะเดินทางในช่วง 40 วันจากนี้ไป ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 99.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งสัดส่วนที่สูงขึ้นมากเป็นเพราะในข่วงเดียวกันของปี 2022 แทบไม่มีผู้โดยสารเดินทางจากมาตรการห้ามเดินทางในภูมิภาค นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 พบว่าสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 70.3%

อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของชาวจีนแผ่นดินใหญ่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนหนึ่งรู้สึกเป็นอิสระแบะดีใจที่จะกลับไปพบญาติพี่น้องในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่อีกจำนวนมากกลับไม่ต้องการเดินทางแต่อย่างใด ด้วยเหตุผลว่าอาจเป็นความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้สูงอายุในต่างจังหวัด

เออร์นาน ซุย นักวิเคราะห์จากสถาบัน กาเวคอล ดราโกโนมิกส์ ในกรุงปักกิ่ง จีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวว่า บริเวณต่างจังหวัดที่ห่างไกลทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ล้วนตกอยู่ในการแพ่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มากตั้งแต่แรก โดยมีอัตราการติดเชื้อสูงสุดเกิดขึ้นในหลายภูมิภาคด้วย ทำให้สถานการณ์การระบาดในเมืองใหญ่และต่างเมืองถึงเขตชนบทแทบไม่แตกต่างกัน

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ส เปิดเผยว่า ขณะนี้ รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเจรจากับบริษัท ไฟเซอร์ อินคอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตวัคซีนไฟเซอร์ และยาต้านโควิด-19 แพ็กซ์โลวิด โดยประเด็นการพูดคุยคือทางการจีนอยากได้ใบอนุญาต หรือไลเซนส์ ที่อนุญาตให้ผู้ผลิตยาในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่สามารถผลิตยาต้านโควิด-19 แพ็กซ์โลวิดได้ เพื่อทำการแจกจ่ายภายในประเทศ

คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีนแผ่นดินใหญ่ หรือ NPC เปิดเผยว่า ในภาพรวมทั่วประเทศ อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 อยู่มากกว่า 90% แต่กลับพบว่าในกลุ่มผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉีดเข็มบูสเตอร์ หรือเข็มกระตุ้น ลดลงมาอยู่ที่ 57.9% และลดต่ำลงมากทาเหลือที่ 42.3% ในกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป

สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนแผ่นดินใหญาตกอยู่ในภาวะรุนแรงนับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา สาเหตุจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่กลับลำมาตรการควบคุมและป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ที่เคยเข้มงวดตามนโยบายไม่อยู่ร่วมโควิด-19 ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดด ยอดผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลล้นหลามในแทบทุกแห่ง ยอดผู้เสียชีวิตรายวันพุ่งสูงจนส่งผลให้ญาติพี่น้องต้องนำร่างผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เสียชีวิตออกมาเผาในที่สาธารณะซึ่งเกิดขึ้นในหลายเมือง เนื่องจากสถานที่เผาศพไม่สามารถให้บริการได้ โดยมีจำนวนศพผู้เสียชีวิตรอเข้าคิวล้นเป็นจำนวนมาก

ในขณะที่ รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ยกเลิกการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตรายวัน ขนส่งผลให้องค์การอนามัยโลก หรือ WHO และนานาชาติล้วนไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ในการควบคุมและป้องกันสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงในปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ยอมรับว่าได้รายงานจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง