ชิปหายฉุดยอดผลิตรถยนต์ของไทยทั้งปีลง 50,000 คัน หลุด 1.8 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่ม ในปี พ.ศ. 2565 ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปี 2565 จาก 1,800,000 คัน เป็น 1,750,000 คัน ลดลง 50,000 คัน เป็นผลจากการผลิตส่งออกลดลง จาก 1,000,000 คัน เป็น 900,000 คัน
สาเหตุจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) จากสงครามยูเครน-รัสเซียที่เกิดขึ้นปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 คงยืดเยื้อนาน ซึ่งทั้งสองประเทศส่งออกรายใหญ่ก๊าซนีออนที่เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และสงครามนี้ยังได้ทำให้การส่งออกรถยนต์ไปทั้งสองประเทศนี้ลดลงกว่า 2 หมื่นคัน
นอกจากนี้ การล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2565 ทำให้ขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นเพราะโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และประเทศเมียนมาประกาศห้ามนำเข้ารถยนต์เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2565 ทำให้ส่งออกรถยนต์ลดลงกว่า 2,000 คัน ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ไต้หวัน ตะวันออกกลาง เป็นต้น และอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก ทำให้ประเทศต่าง ๆ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มได้ปรับเพิ่มเป้าผลิตขายในประเทศขึ้นจาก 800,000 คัน เป็น 850,000 คัน เป็นผลจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากต่างประเทศสะดวกขึ้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเดินทางเข้าประเทศหลายล้านคน
สาเหตุจากกำลังซื้อฟื้นตัวภายหลังจากการส่งออกยังคงเติบโตจากปีที่แล้วที่มูลค่าส่งออกทำสถิติสูงสุด ทำให้ประชาชนมีงานทำมีรายได้เพิ่มขึ้น และรัฐบาลประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด ตลอดจนการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วยการเพิ่มค่าใช้จ่ายการประชุม การจัดสัมมนา การผ่อนคลายการล็อกดาวน์เรื่องโควิด-19 ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมาจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่
สำหรับภาพรวมการผลิตในเดือนกรกฎาคม 2565 มี 142,958 คัน เพิ่มขึ้น 16.07% จากเดือนกรกฎาคม 2564 จากการผลิตเพื่อส่งออก เพิ่มขึ้น 2.07% ได้ 71,387 คัน และผลิตเพื่อขายในประเทศ 71,571 คัน เพิ่มขึ้น 16.07%
ส่งผลให้มียอดผลิต 7 เดือนสะสม (มกราคม-กรกฎาคม) 2565 รวม 1,013,069 คัน เพิ่มขึ้น 4.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการผลิตเพื่อส่งออกได้ 513,965 คัน ลดลง 7.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตเพื่อขายในประเทศได้ 499,104 คัน เพิ่มขึ้น 21.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนภาพรวมยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2565 มีจำนวน 64,033 คัน ลดลง 5.77% จากเดือนมิถุนายน 2565 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 22.10% เพราะรัฐบาลผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างประเทศเข้าประเทศสะดวกขึ้น มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเดินทางเข้าประเทศกว่า 3 ล้านคน รวมทั้งการส่งออกที่ยังคงเติบโต การประกันรายได้เกษตรกร การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน
และยอดขายในช่วง 7 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 รถยนต์มียอดขาย 491,329 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ในระยะเวลาเดียวกัน 15.43% ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,040,440 คัน เพิ่มขึ้น 5.32%
ขณะที่ภาคการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนกรกฎาคม 2565 ส่งออกได้ 83,086 คัน เพิ่มขึ้น 12.45% จากเดือนที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 17.70% จากเดือนกรกฎาคม 2564 คิดเป็นมูลค่า 74,211.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.28% จากเดือนกรกฎาคม 2564 จากการส่งออกรถกระบะและรถยนต์นั่ง จึงส่งออกเพิ่มขึ้นทุกตลาดยกเว้นตลาดเอเชียที่ส่งออกลดลง เพราะผลิตรถ PPV ส่งออกลดลง มูลค่าการส่งออก 51,987.15 ล้านบาท ลดลง 19.70% จากเดือนกรกฎาคม 2564
ทั้งนี้ รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 479,981.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.23% จากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2564 ร้อยละ 2.23