ซิตี้แบงก์ชี้ลดถือเงินสด ให้ลงทุนตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนดี รับเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย

298
0
Share:

นายเคน เพ็ง นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ เปิดเผยว่า นโยบายการเงินและการคลังของสหรัฐอเมริกานั้นมีปริมาณเม็ดเงินลดลงอย่างมาก สิ่งที่เกิดทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน

แต่ในขณะเดียวกันเขายังชี้ว่าสภาพตลาดแรงงานของสหรัฐอเมริกาเองก็ยังดูดี มีอัตราการว่างงานต่ำกว่า 4% และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่สภาวะถดถอยจะต้องทำให้ตลาดแรงงานมีผู้ว่างงานมากขึ้นกว่านี้ โดยนักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิกของซิตี้แบงก์ชี้ว่าลักษณะก่อนที่เกิดเศรษฐกิจถดถอยในอดีตเป็นแบบนี้มาโดยตลอดเวลา

ทางด้านของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกานั้นเขามองว่ามีความอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอย่างมาก และในช่วงที่ผ่านมาราคาบ้านปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากถ้าหากอัตราดอกเบี้ยต่ำ ยอดขายบ้านมักจะสูงขึ้น แต่ถ้าหากอัตราดอกเบี้ยสูงยอดขายบ้านก็ลดลง

นอกจากนี้ สัญญาณของเศรษฐกิจถดถอยก็คืออัตราดอกเบี้ยระหว่างพันธบัตรสหรัฐ 2 และ 10 ปี นั้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น และคาดการณ์อัตรากำไรของบริษัทสหรัฐในดัชนี S&P 500 ในปี 2566 ลดลง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่สภาวะถดถอย

ด้านของอัตราเงินเฟ้อนั้น หลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ข้าวสาลี ปรับตัวลดลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีความคาดหวังว่าเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลง นอกจากนี้นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจไม่ขึ้นดอกเบี้ยแบบตึงตัวน้อยลง แตกต่างกับในช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้น สิ่งที่เหมาะสมหลังจากนี้คือตราสารหนี้จะดูดีมากขึ้น เขาได้ยกผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปีที่น่าเริ่มเข้าลงทุน และเขายังชี้ว่าถ้าหากมีตราสารหนี้ในพอร์ตการลงทุนของลูกค้านั้นจะทำให้ความผันผวนของพอร์ตการลงทุนลดลงได้อีกด้วย

ขณะที่เรื่องของตลาดหุ้นจีนนั้น มองว่ามีความท้าทายและความเสี่ยงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่เขามองว่าจีนอาจมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มมากขึ้น เขาได้ชี้ว่าปัจจัยที่ตลาดหุ้นจีนจะฟื้นตัวได้นั้นดูได้จากปริมาณการนำบริษัทเข้า IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยปัจจุบันชะลอตัวลงมากๆ และเขายังแนะนำให้ดูปริมาณเงินกู้ในระบบ ซึ่งเขามองว่าหลังจากนี้หุ้นจีนจะฟื้นตัวได้

ทั้งนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิกของธนาคารซิตี้แบงก์ชี้ว่าให้เลือกลงทุนหุ้นที่เป็นบริษัทคุณภาพ หรือเน้นไปที่หุ้นปันผล หรือหุ้นเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงหุ้นกลุ่มสุขภาพ