ซื้อหุ้นเว่อ! แบงก์ชาติสหรัฐชี้นักลงทุนโถมซื้อหุ้นเกินจริง เฟดไม่ชะลอขึ้นดอกเบี้ยแน่

นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวที่ประเทศออสเตรเลียว่า นักลงทุนในตลาดทุน เช่น ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ตลาดหุ้นกู้ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ได้ตอบสนองความคึกคักด้วยการเข้าลงทุนมากเกินความเป็นจริงหลังจากรับรู้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและขั้นพื้นฐานในเดือนตุลาคมของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดในรอบตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งอยู่ที่ 7.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านมา

ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคมที่ลดลงต่ำกว่าที่ตลาดการเงินคาดไว้นั้น เป็นเพียงแค่ข้อมูลจุดเดียวเท่านั้น นักลงทุนทุกคนควรจะหายใจลึกๆ และอยู่ในความสงบ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดยังคงต้องใช้เวลาและระยะทางอีกไกล

ตลาดทุนควรให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อระยะสั้นสุดท้ายมากกว่าส่วนต่างหรือความแรงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยแต่ละครั้ง ซึ่งการประชุมครั้งต่อไปในช่วงกลางเดือนธันวาคมนั้น เฟดอาจปรับขึ้น 0.5% ซึ่งไม่ใช่สัญญาณของการชะลอขึ้นดอกเบี้ยแต่อย่างใดตามที่ตลาดพยายามให้ความหมายในทิศทางนั้น ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสุดท้ายจึงยังอยู่ห่างไกลจากที่หลายคนประเมินกัน

ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเพียง 7.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าที่คาดว่าจะขึ้นไปแตะที่ 8.2% นอกจากนี้ เงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเคยพุ่งทะยานถึงระดับ 9.1% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 41 ปี

ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวยืนยันว่า ยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน ใช้เวลาอย่างยาวนานในการปรับเงินเฟ้อให้ลดต่ำลงมาเข้าเป้าหมาย อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น และจะขึ้นไปอยู่มนระดับสูงเป็นเวลานานสักพัก จนกระทั่งเฟดเห็นอย่างชัดเจนว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงเข้าสู่เป้าหมาย ในมุมมองส่วนตัวกับเงินเฟ้อเดือนตุลาคมที่ระดับ 7.7% ยังคงเป็นอัตราเงินเฟ้อที่มีขนาดใหญ่มาก

นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมาจนถึงการประชุมเมื่อวันที่ 21-22 ตุลาคมที่ผ่านไป พบว่าเฟดเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกันทั้งสิ้น 400% ในจำนวนนี้เป็นการปรับขึ้นถึง 0.75% ติดต่อกันถึง 4 รอบการประชุม

นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่างว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 0.5% จะได้เห็นในการประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธันวาคม และคาดว่าจะปรับขึ้น 0.5% ในรอบต่อไป ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 31 มกราคมถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปี 2023 ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกของปีหน้า