ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านพุ่งกระฉูดใน 14 ปีรับอเมริกาขึ้นดอกเบี้ยแรง ฉุดยอดสร้างบ้านใหม่

เฟรดดี้ แมค เปิดเผยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา พบว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.75% เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ระยะเวลา 30 ปี ปรับสูงขึ้นแตะที่ระดับ 6.29% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่เคยอยู่ที่ระดับ 6.02% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ตุลาคมปี 2014 เป็นต้นมา ซึ่งในปีดังกล่าวนั้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อสังหาริมทรัพย์อยูระดับต่ำที่ 2.88%

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ เฟรดดี้ แมค นายแซม เคเทอร์ เปิดเผยว่านับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาพุ่งทะยานถึง 2 เท่า ที่สำคัญ ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเผชิญปัจจัยลบมากขึ้นจากนี้ไป สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นต่อเนื่องในอนาคตตามแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อปี 2564 ชาวอเมริกันที่กู้เงินซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยวางเงินดาวน์ 20% ของราคาบ้าน 390,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 14.4 ล้านบาท พร้อมจัดไฟแนนซ์นาน 30 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระดับ 2.88% จะมีค่าผ่อนบ้านเดือนละ 1,295 ดอลลาร์สหรัฐ หรือส่งเดือนละกว่า 47,915 บาท แต่ในวันนี้ เมื่อดอกเบี้ยเงินกู้ปรับพุ่งขึ้นเป็น 6.29% ทำให้ค่างวดส่งบ้านพุ่งเป็นเดือนละ 1,929 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเดือนละกว่า 71,373 บาท นั่นหมายถึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 634 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 23,458 บาทต่อเดือน หรือพุ่งขึ้นเกือบ 49%

เลนนาร์ และเคบี โฮม เป็นบริษัททำธุรกิจรับสร้างอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอันดับต้นๆในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ยอดคำสั่งสร้างบ้านใหม่ลดลงอย่างมากถึง 12% ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เคบี โฮม นายเจฟฟรี่ เมสเกอร์ กล่าวว่า ปัจจัยดอกเบี้ยเงินกู้อสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น เงินเฟ้อในระดับสูงต่อเนื่อง และความกังวลในปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกา ทำให้ชาวอเมริกันชะลอการสร้างบ้านใหม่รวมถึงการซื้ออสังใหม่ในตลาด