ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ก.ย.ของญี่ปุ่น พุ่งสูงสุดในรอบ 31 ปี แตะที่ระดับ 3%

รายงานจากสำนักข่าวเกียวโด อ้างกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ไม่รวมสินค้าประเภทอาหารสด ของญี่ปุ่นในเดือนกันยายนเพิ่มร้อยละ 3.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับว่าเพิ่มสูงสุดในรอบ 31 ปี หรือตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2534

ขณะเดียวกันการที่เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าต่างๆตั้งแต่สินค้าประเภทพลังงานไปจนถึงสินค้าประเภทอาหาร มีราคาแพงขึ้น อีกทั้งทำให้มาตรการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่น (BOJ)ในอัตราต่ำมีปัญหายุ่งยากมากขึ้น

ดัชนีผู้บริโภคไม่รวมสินค้าประเภทอาหารสด ยังคงเกินเป้าของ BOJ คือ ร้อยละ 2 เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคจะยังคงสูงขึ้นไปจนถึงสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ หากนับรวมการปรับขึ้นภาษีการบริโภคด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเพิ่มสูงสุดนับแต่เดือนกันยายน 2557

ด้านนายโทรุ ซูเอฮิโร หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์ไดวา ซิเคียวริตี ของญี่ปุ่นระบุว่า ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นทั่วทุกกลุ่มสินค้า ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นหลายรายการเช่นสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์คงทน (durable goods) ที่ใช้ได้นาน เขากล่าวว่าผู้บริโภคไม่สามารถจะหยุดซื้ออาหารและสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้คือ ลดการใช้จ่ายด้านบริการเช่น บันเทิง ซึ่งอาจจะกระทบธุรกิจบริการ ซึ่งอยู่ระหว่างการฟื้นตัว หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

อีกหนึ่งหลักฐานที่บ่งชี้ว่าราคาสินค้าทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น คือ ดัชนี CPI หลักๆ เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกันเมื่อเทียบตัวเลขรายปี เนื่องจากการบุกยูเครนของรัสเซียส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ และวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาธัญพืชเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนทางกับเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยราคาอาหารในเดือนกันยายนเพิ่มร้อยละ 4.6 สูงที่สุดนับแต่ปี 2524 ขณะที่ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9