ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดกว่า 230 จุด

470
0
Share:

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 31,385 จุด +237 จุด หรือ +0.76% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,915 จุด +28 จุด หรือ +0.74% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,987 จุด +131 จุด หรือ +0.95% ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติปิดเพิ่มขึ้นรวม 6 วันติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดในรอบ 5 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่
.
สาเหตุจากรัฐสภาสหรัฐ ได้ผ่านร่างกฎหมายฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 59 ล้านล้านบาท ซึ่งเหลือเพียงในส่วนการแปลญัตติของทั้ง 2 พรรคการเมืองในสหรัฐ ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ เรียกร้องให้ผ่านกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะส่งให้แรงงานอเมริกันกลับมามีการจ้างงานเต็มที่ภายในปี 2022
.
ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 57.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.97% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 60.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.06% ส่งผลราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุดในรอขอมากกว่า 1 ปีผ่านมา
.
สาเหตุจากความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายแพคเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ได้แก่ อัตราการว่างงานลดลงจากเดิม 6.7% เหลือ 6.3% ซึ่งดีกว่าที่คาดไว้ ชาวอเมริกันขอใช้สิทธิสวัสดิการช่วงว่างงานรายสัปดาห์เหลือเพียง 779,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐลดต่ำลงเหลือเพียง 475.7 ล้านบาร์เรล ทำสถิติลงต่ำมากที่สุดในรอบ 11 เดือน หรือตั้งแต่มีนาคม 2563
.
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,836.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +23.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.3% สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ขณะเดียวกันผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพลิกลดลง ท่ามกลางรัฐสภาสหรัฐ ได้ผ่านร่างกฎหมายฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 59 ล้านล้านบาท