ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 30 จุด น้ำมันดิบโลกปิดต่ำกว่า 86 ดอลลาร์

159
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดขึ้นกว่า 30 จุด น้ำมันดิบโลกปิดต่ำกว่า 86 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,429 จุด +34 จุด หรือ +0.10% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,071 จุด -4 จุด หรือ -0.12% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,461 จุด -20 จุด หรือ -0.18% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปรับเพิ่มขึ้น +0.2%, +1.1% และ +2.1% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังทำสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ปิดแดนบวกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 เป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน หรือตั้งแต่ตุลาคมผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ดัชนีสำคัญทั้ง 3 แห่งยังคงให้ผลตอบแทนเป็นลบนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านไป โดยลดลง -4.81%, -14.39% และ -26.70% ตามลำดับ ซึ่งยังคงทำให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ในภาวะปรับฐาน หรือ Correction และดัชนีหุ้นนาสแดคอยู่ในภาวะหมี หรือ Bear Market

สาเหตุจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวล กล่าวในเวทีสัมมนาเศรษฐกิจเมื่อวันพุธที่ผ่านมาด้วยการส่งสัญญาณการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น ถึงแม้ว่าในคืนที่ผ่านมายอดการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนพฤศจิกายนเพิ่มสูงขึ้น 263,000 คน ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 200,000 คน ในเวลาเดียวกันอัตราการว่างงานเดือนดังกล่าวอยู่ที่ 3.7% ซึ่งตรงตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สำหรับค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยเดือนพฤศจิกายน พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 0.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงกว่า 2 เท่าจากที่ตลาดประเมินไว้ นอกจากนี้ ค่าจ้างดังกล่าวในแง่ราย 12 เดือน ยังเพิ่มขึ้นถึง 5.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ที่สำคัญ ยังเป็นอัตราที่สูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ระดับ 4.6% อีกด้วย

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 79.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.5% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 85.57 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.31 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.5% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปรับเพิ่มขึ้น +5% และ +2.5% ตามลำดับ ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปิดในแดนบวกครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ผ่านมา

สาเหตุจากนักลงทุนทำกำไรช่วงสั้น และรอผลการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคมนี้ มีการคาดการณ์ว่ายังคงยึดมติเดิมของกลุ่มโอเปกพลัส ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับแข็งค่าขึ้น หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนในสหรัฐอเมริกาสูงกว่าที่คาดไว้มาก และกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลกทั้ง 7 ประเทศ หรือกลุ่มจี 7 ประกาศการประกาศใช้มาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบที่ขนส่งทางทะเลจากประเทศรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมนี้

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,809.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -6.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ -0.31% หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทองคำล่วงหน้าปิดขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำปรับขึ้น +2.2% และยังเป็นราคาทองคำรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันด้วย

ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับแข็งค่าหลังร่วงอย่างหนักในรอบกว่า 4 เดือน สอดรับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนในสหรัฐอเมริกาสูงกว่าที่คาดไว้มาก สร้างแรงกดดันต่อการตัดสินใจของเฟดในการประชุมการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้

ขณะนี้ ตัวชี้วัดที่เรียกว่า เฟด ฟันด์ ฟิวเจอร์ หรือโอกาศการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.50% ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้อยู่ที่ 75%