ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหล่นเหลือกว่า 75 ดอลลาร์

144
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดขึ้นกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหล่นเหลือกว่า 75 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,535 จุด +115 จุด หรือ +0.34% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,198 จุด +39 จุด หรือ +0.94% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,688 จุด +188 จุด หรือ +1.51%

สาเหตุจากนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นกับสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังมีการเจรจาหาต่อพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เนื่องจากประธานสภาล่าง นายเควิน แม็คคาร์ที กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโจ ไบเดน กล่าวว่า มั่นใจว่าบรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาจะรวมกันเพื่อบรรลุข้อตกลง และหลีกเลี่ยงภาวะไม่สามารถชำระหนี้ได้

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ระดับภูมิภาคในสหรัฐอเมริกา มีแรงซื้อกลับอย่างคึกคักต่อเนื่อง หลังจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งเปิดเผยยอดเงินฝากเพิ่มสูงขึ้นในสัปดาห์ผ่านมา

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.3%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 75.86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.4%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งทะยานแข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 เดือน สาเหตุจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายนระหว่างวันที่ 13-14 นี้ ซึ่งผิดคาดจากที่ประเมินกันว่าจะตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีเศษ

ท่ามกลางสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า คาดการณ์ความต้องการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นอีกวันละ 2 ล้านบาร์เรลในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็น 60% ของปริมาณความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2023

นอกจากนี้นักลงทุนยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลมูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,068 ล้านล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ หลังจากผู้นำสูงสุดของสภาล่าง และวุฒิสมาชิกของรัฐสภาสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่าจะพยายามพิจารณาผ่านกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้สหรัฐอเมริกาเลี่ยงภาวะไม่สามารถชำระหนี้ ขณะที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,956.13 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -25.26 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือลดลง -1.3% ในระหว่างวันการซื้อขายมีราคาร่วงต่ำสุดแตะ 1,951.73 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนผ่านมา

ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,959.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ -25.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ -1.2% ส่งผลราคาทองคำล่วงหน้าตกต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ใน 3 วันทำการติดกัน

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าครั้งใหม่ ทำสถิติแข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ สาเหตุจากมุมมองของบรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดในหลายสาขา ยังคงส่งสัญญาณว่าการลดดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มสูงที่จะไม่เกิดขึ้นตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ แม้จะมีความคืบหน้าในการเจรจาของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา แต่นักลงทุนเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลมูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,068 ล้านล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น