ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งกระฉูดกว่า 760 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเหนือ 88 ดอลลาร์

243
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดพุ่งกระฉูดกว่า 760 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเหนือ 88 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 29,490 จุด +765 จุด หรือ +2.66% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,678 จุด +92 จุด หรือ +2.59% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,815 จุด +239 จุด หรือ +2.27% ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ปิดพุ่งขึ้นดีที่สุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ 24 มิถุนายน และ ในรอบ 2 เดือน หรือตั้งแต่ 27 กรกฎาคม ตามลำดับ

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งดำดิ่งหนักมากถึง -2.9%, -2.9% และ -2.7% ตามลำดับ สำหรับในเดือนกันยายน พบว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งดำดิ่งหนักมากถึง -8.8%, -9.3% และ -10.5% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์เป็นดัชนีหุ้นที่ตกต่ำย่ำแย่ในรอบเกือบ 2 ปี 6 เดือนหรือนับตั้งแต่มีนาคมปี 2020 ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 เป็นดัชนีหุ้นที่ตกต่ำย่ำแย่ในรอบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา และดัชนีหุ้นนาสแดคเป็นดัชนีหุ้นที่ตกต่ำย่ำแย่ในรอบ 5 เดือนหรือนับตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา

ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เดือนกันยายนปี 65 กลายเป็นดัชนีดาวโจนส์เดือนกันยายนที่เลวร้ายที่สุดเมื่อเทียบกับในเดือนกันยายนเมื่อปี 2008 หรือตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2008 ขณะที่ดัชนีหุ้นนาสแดคเดือนกันยายนเข้าสู่ภาวะปรับฐานรายเดือน หรือ Correction

ในแง่รายไตรมาส พบว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งลง -6.7% ร่วงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ทำสถิติเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2015 ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วง -5.3% ตกต่ำเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ทำสถิติเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2009 ซึ่งในช่วงเวลานั้น ดัชนีหุ้นดังกล่าวดำดิ่งถึง 6 ไตรมาสติดต่อกัน ส่วนดัชนีหุ้นนาสแดคกลับกระเตื้องขึ้นเบาบาง -4.1% ทำสถิติตกต่ำถึง 3 ไตรมาสติดต่อกัน เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2009

ในแง่นับตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบัน ดัชนีสำคัญทั้ง 3 แห่ง พบว่า ยังคงดำดิ่งอย่างรุนแรงมากถึง -20.02%, -23.48% และ -30.87% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนมองมุมบวกกับการประเมินแนวโน้มการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาในทิศทางที่ดีขึ้น ท่ามกลางการทยอยการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่มีทิศทางลดต่ำลงจากปัจจัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นรุนแรงและต่อเนื่อง รวมถึงเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญอื่นๆ คือ ค่าเงินปอนด์สเตอริงของอังกฤษกลับแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ลดลงจากสถิติแตะ 4% สูงสุดในรอบ 20 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มาอยู่ในระดับต่ำสุดใน 1 สัปดาห์ที่ระดับ 3.65%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 83.63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +4.14 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +5.2% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 88.86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +3.82 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.4% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 ปรับเพิ่มขึ้น +1% และ +2% ตามลำดับ ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน หรือนับตั้งแต่สิงหาคมผ่านมา ในแง่รายไตรมาส พบว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ดำดิ่งมากถึง -25% และ -23% ตามลำดับ

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกเทขายทำกำไรต่อเนื่อง แนวโน้มกลุ่มโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตกว่าวันละ 1 ล้านบาร์เรลในการประชุมวันที่ 5 ตุลาคมนี้ และบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากลับมาคึกคักในวันแรกของการซื้อขายเดือนตุลาคม

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,708.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +39.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +2.21% ทำสถิติราคาทองคำพุ่งทะยานสูงสุดใน 1 วันทำการ ในรอบ 7 เดือน หรือนับตั้งแต่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำมีราคาใกล้เคียงสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 4 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่อเมษายนปี 2020 เป็นต้นมา ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกเทขายอ่อนค่า และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะ 2 ปี และ 10 ปี ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ประกอบกับราคาทองคำมีราคาตกต่ำและอยู่ในระดับต่ำมาต่อเนื่องในทั้งสัปดาห์ที่ผ่านไป