ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค.ต่ำสุดในรอบเกือบ 23 ปี กังวลพันธุ์เดลต้าฉุดธุรกิจ และแผนกระจายวัคซีนที่ยังไม่แน่นอน

315
0
Share:

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) เดือน ส.ค.64 ปรับตัวลดลงมาที่ 39.6 จากระดับ 40.9 ในเดือนก.ค. 64 โดยอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 11 เดือน และยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 แล้ว สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 33.8 // ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ระดับ 36.3 // และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 48.6 โดยเมื่อเทียบกับในเดือน ก.ค.64  ดัชนีฯปรับตัวลดลงทุกรายการ

ซึ่งปัจจัยลบที่สำคัญ คือความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3-4 รวมถึงการแพร่ของสายพันธุ์เดลต้าที่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กระทบต่อการดำเนินชีวิต // ธุรกิจ // ท่องเที่ยว และยังได้กังวลถึงการกระจายวัคซีนที่ยังมีความไม่แน่นนอนและไม่เป็นไปตามเป้า และสภาพัฒน์ ยังได้ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้เหลือโต 0.7-1.2%, คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลด GDP ปีนี้เหลือโต 0.7%, ความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมือง ผู้บริโภคกังวลต่อภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ปัญหาค่าครองชีพ และเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง

ทั้งนี้ยังได้มีปัจจัยบวก หลังจากที่รัฐได้คลายมาตรการล็อกดาวน์ ที่อนุญาตให้บางกิจการกลับมาเปิดให้บริการได้ และได้มีมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ , สภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 7.5%, กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50%, การส่งออกเดือน ก.ค. ขยายตัว 20.26%, การฉีดวัคซีนของโลกและการฉีดวัคซีนในประเทศที่เริ่มเป็นรูปธรรม

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม ยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงย่ำแย่จากวิกฤตโควิด-19 ในไทยและทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต

จะเห็นว่ามาตรการล็อกดาวน์มีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ และการจ้างงาน โดยเฉพาะการจ้างงานในปัจจุบันที่แย่มากในมุมมองของผู้บริโภคที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงที่เริ่มล็อกดาวน์ใน 10 จังหวัด อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ในอนาคต หลังจากศบค. ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่ยังต้องติดตามของการฉีดวัคซีน การแพร่กระจายของโควิด หลังจากรัฐมีการประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์เพิ่มเติมหรือไม่

โดยปัจจัยเหล่านี้ จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคตได้ และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวดีขึ้นจากระดับที่คาดการณ์ไว้ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาที่ระดับ 0 ถึง -2% มาอยู่ในระดับ 0 ถึง 2% ได้ในปีนี้

ตอนนี้แม้จะยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็มีแนวโน้มจะเริ่มกลับมา ซึ่งจะเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต ที่มีการปรับตัวลดลงน้อยกว่า 1 จุด ต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ลดลงถึงเดือนละ 2 จุด…เดิมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะ -2 ถึง 0% ก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นเป็น 0-2% ได้ ซึ่งจะมีการทบทวนตัวเลขนี้อีกครั้งในเดือนต.ค.