ดัชนีเชื่อมั่นโมเดิร์นเทรดต่ำสุดรอบ 5 ไตรมาส

842
0
Share:

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด ไตรมาส 3 ปี 2562 มีความเห็นว่า ปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อธุรกิจโมเดิร์นเทรด คือ สถานการณ์ภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง-น้ำท่วมหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 การส่งออกมีสัญญาณการหดตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
.
รวมถึงปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ที่ยังไม่มีข้อยุติ ปัญหาขัดแย้งของประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะสถานการณ์การประท้วงในฮ่องกง การท่องเที่ยวชะลอตัว เนื่องจากอยู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว และอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาสินค้าเกษตรยังคงอยู่ในระดับไม่สูง ส่งผลต่อระดับรายได้ของครัวเรือน รวมถึงการแข่งขันของธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ ภาระหนี้สินของครัวเรือน และสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้การบริโภคยังไม่มีการขยายตัว
.
โดยปัจจัยทั้งหมด ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด ไตรมาส 3 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 51 ซึ่งเป็นดัชนีต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส แต่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.4 และเชื่อว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ และเห็นว่าธุรกิจประสบกับปัญหามาตรการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและรายได้ของธุรกิจ รวมทั้งขาดข้อมูลนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์ของภาครัฐ
.
ทั้งนี้มองว่าเศรษฐกิจไทยเมื่อผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3 ไปแล้ว จะปรับตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4 จึงมองว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัว 3.1% และตลอดปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัว 2.8% สอดคล้องกับการประเมินของที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.
.
นอกจากนี้ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล คือ การลดข้อจำกัดในการใช้บริการมาตรการ ชิม ช้อป ใช้ เช่น การเพิ่มร้านค้ารายย่อยให้ครอบคลุมและเพียงพอ รวมทั้งเพิ่มแอปเป๋าตังทุกแคชเชียร์ นอกจากนี้ยังอยากให้รัฐบาลเพิ่มการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกระจายให้กับทุกโมเดิร์นเทรด แบบเท่าเทียมกันเพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อของภาคครัวเรือน