ดาวโจนส์ปิดขึ้นเกือบ 100 จุด น้ำมันดิบปิดขึ้นเหนือกว่า 99 ดอลลาร์

328
0
Share:

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 33,223 จุด +92 จุด หรือ +0.28% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,288 จุด +63 จุด หรือ +1.50% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,473 จุด +436 จุด หรือ +3.34% อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างวันนั้น ดัชนีหุ้นทั้ง 3 แห่ง ถูกเทขายอย่างรุนแรงตั้งแต่เปิดตลาดหุ้น ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งหนักสุดกว่า 820 จุด ดัชนีหุ้นนาสแดคร่วงหนักกว่า 430 จุด ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นปิดในแดนบวกได้

ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ยังคงเข้าสู่ภาวะดัชนีปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction ต่อเนื่องเนื่องจากดัชนีดังกล่าวร่วงรุนแรงถึง 12% เทียบจากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2565 นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนาสแดคยังคงเข้าใกล้ภาวะหมี หรือ Bear Market เนื่องจากดัชนีดังกล่าวทรุดหนักกว่า -16% เทียบจากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีราคาตกต่ำอย่างรุนแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนประเมินสถานการณ์ และแนวโน้มของการตอบโต้ทาบมาตรการเศรษฐกิจของนานาชาติที่มีต่อรัสเซีย ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก รัสเซียจะไม่ทำให้ระบบเศรษฐกิจโลกเสียหาย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงระมัดระวังและประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของรัสเซียและยูเครนต่อไป
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 92.81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.80% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 99.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.3% อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างการซื้อขายราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ พุ่งสูงถึงระดับ 100.54 และ 105.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา

สาเหตุจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโจ ไบเดน เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกากำลังทำงานกับนานาชาติในการปล่อยน้ำมันดิบสำรองเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันเข้าสู่ตลาด เพื่อกดดันราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วในรอบ 8 ปี ซึ่งเป็นผลพวงจากวิกฤตรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงถึง 4.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ที่ 450,000 บาร์เรล

อย่างไรก็ตาม วิกฤตสถานการณ์รุนแรงระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการคว่ำบาตรจากนานาชาติทั่วโลก ยังคงกดดันราคาน้ำมันดิบโลกต่อเนื่อง นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ เปิดเผยรายงานภาวะน้ำมันดิบโลก พบว่าตลาดน้ำมันดิบยังคงตึงตัวต่อเนื่องหลังจากกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตอีก 400,000 บาร์เรลในเดือนมีนาคม โดยทั่วโลกต้องการใช้น้ำมันดิบปี 2565 สูงถึง 100.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,899.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -10.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.5% ยังคงมีสถิติใกล้เคียงปิดสูงสุดในรอบ 8 เดือน หรือนับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2564 อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งขึ้น 5.5% ทำสถิติราคาทองคำรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2020 เป็นต้นมา

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของทั้งรัสเซียและยูเครน ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ รัสเซียเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกในการผลิตโลหะมีค่า ได้แก่ พัลลาเดียม และแพลทินัม รวมถึงเป็นผู้ผลิตทองคำใหญ่อันดับ 3 ของโลก