ท็อปส์ ขยายตลาดสินค้า GI หนุนเกษตรกรชาวสวนนครศรีฯ ปิดดีลสั่งซื้อล่วงหน้า

370
0
Share:
ท็อปส์ ขยายตลาด สินค้า GI หนุน เกษตรกร ชาวสวนนครศรีฯ ปิดดีลสั่งซื้อล่วงหน้า

นายพิริยะ กมลเดชเดชา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดซื้อสินค้าอาหารสด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ท็อปส์” สนับสนุนสินค้า GI เพื่อยกระดับให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้า GI ไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งตลอดทั้งปีท็อปส์รับซื้อผลไม้ GI จากทัวประเทศ 45 จังหวัด กว่า 60 รายการ มาจำหน่าย พร้อมทั้งสินค้า GI อื่น ๆ อีกมากมาย

ล่าสุดร่วมกับ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่วิสาหกิจชุมชนเทศบาลเกาะทวด ต.เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ลงนามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ปี 2566 กว่า 100 ตัน เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 30% พร้อมรับซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาดส้มโอทั่วไปถึง 40 % ทำให้เกษตรกรไม่ต้องกังวลว่าผลผลิตจะไม่มีตลาดรองรับ หรือ ราคาตกต่ำ ซึ่งการรับซื้อผลผลิตล่วงหน้า นอกจากมีส่วนช่วยประกันรายได้ให้กับเกษตรกร ยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดนครศรีธรรมราชให้เติบโตอย่างยั่งยืน และทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้ซื้อส้มโอทับทิมสยามซึ่งเป็นสินค้า GI จากแหล่งผลิตคุณภาพอย่างแท้จริง

ด้าน นายบุญรวย คงเกาะทวด ประธานวิสาหกิจชุมชนเทศบาลตำบลเกาะทวด ต.เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า “วิสาหกิจชุมชนเทศบาลตำบลเกาะทวดเกิดขึ้นจากการรวมตัวของเกษตรกรหลายร้อยครัวเรือนในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งภายในชุมชน ได้รับการสนับสนุนจาก ท็อปส์ ตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งเป็นปีแรกที่ก่อตั้งวิสาหกิจฯ โดยมีเจ้าหน้าท็อปส์เข้ามารับซื้อตรงผลผลิต ให้ราคา ที่เกษตรกรพึงพอใจ ดีกว่าตลาดส้มโอทั่วไป ทำให้กลุ่มมีรายได้อย่างต่อเนื่องมากถึง 26 – 28 ล้านบาท ต่อปี สามารถเลี้ยงชีพและพึ่งพาตนเองได้

สำหรับจุดเด่นของส้มโอทับทิมสยามปากพนัง เนื้อส้มโอมีสีชมพูเข้มคล้ายสีทับทิมจนถึงสีแดง ผิวเปลือกจะมีขนเล็ก ๆ ปกคลุมเมื่อจับดูจะนิ่ม ให้ความรู้สึกคล้ายกำมะหยี่ เปลือกบาง มีรสชาติหวาน หอม นุ่ม ไม่มีรสขมติดลิ้น ซึ่งปลูกในพื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสินค้า GI ซึ่งรสชาติเป็นเอกลักษณ์

นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรนำผัก ผลไม้ สินค้าแปรรูปของดีประจำจังหวัด มาจำหน่ายที่ จริงใจ Farmers’ Market ตลาดค้าปลีกรูปแบบใหม่ ปัจจุบันเปิดให้บริการ 33 สาขา ใน 29 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นเสมือนแหล่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนที่สร้างงานให้เกษตรกรกว่า 9,696 ครัวเรือน สร้างรายได้มากกว่า 250 ล้านบาทต่อปี และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ต่อครัวเรือนเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า