ท่องเที่ยวบูม! “ไมเนอร์” มองธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวดี รายได้กลับมาใกล้เคียงก่อนโควิด

260
0
Share:
ท่องเที่ยวบูม! "ไมเนอร์" มอง ธุรกิจโรงแรม ฟื้นตัวดี รายได้กลับมาใกล้เคียงก่อนโควิด

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรมของกลุ่มไมเนอร์ ทั้งในและต่างประเทศฟื้นตัวดีขึ้น รายได้เฉลี่ยต่อห้องแต่ละช่วงเวลา (RevPar) ของโรงแรมในหลายภูมิภาคใกล้เคียงกับก่อนโควิด-19 โดยปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ดีที่สุดของโรงแรมในออสเตรเลีย ราคาห้องพักเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ภูมิภาคยุโรปนั้นแม้ต้องเผชิญกับปัญหาราคาพลังงานรวมถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่โรงแรมก็เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ลูกค้าเริ่มกลับเข้าใช้บริการบ้างแล้ว

ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวในประเทศแถบตะวันออกกลางฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากภูมิภาคดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของธุรกิจการบิน เมื่อสายการบินในประเทศเหล่านั้นกลับมาให้บริการอย่างรวดเร็ว ทำให้โรงแรมได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาส่วนใหญ่มาจากรัสเซีย ยุโรป และอินเดีย ขณะที่โรงแรมในมัลดีฟส์มีผลการดำเนินงานดีที่สุด แซงหน้าก่อนการระบาดโควิด-19 ในปี 2562 ไปแล้ว ส่วนธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยพบว่าได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย รัสเซีย ยุโรป ที่เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยโรงแรมในพื้นที่ภูเก็ตมีสัญญาณบวกที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามปัจจุบันโรงแรมของบริษัทในหลายพื้นที่ปรับราคาห้องพักขึ้นตามต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นได้แล้ว และมองว่าราคาห้องพักปัจจุบันยังมีช่องว่างให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้นราว 30% ในส่วนของประเทศจีนพบว่า แม้ก่อนหน้านี้จะมีการคงมาตรการควบคุมโควิด-19 อยู่ แต่เมื่อทางการผ่อนคลาย ชาวจีนก็กลับมาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการครั้งใหญ่ของหลายประเทศ ประเมินว่าธุรกิจอาจฟื้นตัวต่อไปอีก และประชาชนก็เริ่มรับประทานอาหารในร้านมากขึ้น ทั้งนี้ ประเมินว่ารายได้ของธุรกิจอาหารของทั้งปี 2565 จะเป็นไปในทิศทางแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ปี 2566 นี้ บริษัทวางกลยุทธ์มุ่งสู่การ “กลับสู่การเติบโต” หรือ Back to growth โดยตั้งเป้ามีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากปี 2565 โดยปัจจัยบวกที่สำคัญคือ ประเทศจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข และนักท่องเที่ยวจีนเริ่มออกเดินทาง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจของบริษัท โดยวางเป้าหมายมีอัตราการเติบโตของรายได้หลัก ไม่น้อยกว่า 12-15% ต่อปี มีอัตราผลตอบแทนการลงทุน ไม่น้อยกว่า 10% และผลกำไรสุทธิที่มาจากการดำเนินงาน และตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่าสองหลัก

นอกจากนี้บริษัทตั้งงบฯลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าไว้ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อลงทุนบริษัทในเครือโดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ซึ่งไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นการลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น