ธนาคารเอ็กซ์ซิมแบงก์เข้าช่วยเหลือธุรกิจไทยในเมียนมา

330
0
Share:

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวยอมรับว่า น่ากังวลกรณีธนาคารกลางเมียนมา ประกาศให้ภาคธุรกิจและผู้กู้รายย่อยระงับการชำระหนี้ต่างประเทศ แต่ขณะนี้ยังไม่พบลูกค้าของเอ็กซิมแบงก์ที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาได้รับผลกระทบโดยตรงจากคำสั่งดังกล่าว ซึ่งเป็นคำสั่งระงับการชำระคืนเงินกู้ แต่ธุรกิจของไทยที่เข้าไปลงทุน จะใช้รูปแบบการชำระเงินเพื่อซื้อขาย ไม่ได้อยู่ในสถานะการชำระคืนเงินกู้

ปัจุจบันลูกค้าของเอ็กซิมแบงก์ที่เข้าไปลงทุนในเมียนมามี 7 ราย มูลค่าลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท จากภาพรวมการลงทุนไทยในเมียนมา ณ ปัจจุบันมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

อย่างไรก็ตามเอ็กซิมแบงก์ได้ออกเตรียมมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาไว้แล้ว โดยเฉพาะนักลงทุนในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งอาจมีการค้าขายสินค้า แต่ยังเก็บเงินไม่ได้ หรือนักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในศูนย์กระจายสินค้า ที่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้เอ็กซิมแบงก์ในทุกเดือน ก็จะขยายระยะเวลาการชำระเงินออกไป เช่น จากชำระทุกเดือน ก็ขยายเป็นทุก 3–6 เดือน เพื่อรอให้บรรยากาศคลายตัว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีลูกค้าของเอ็กซิมแบงก์รายใดติดต่อเข้ามา นอกจากนี้เอ็กซิมแบงก์ จะมีการปรับลดวงเงินเครดิต เช่น จากวงเงินเครดิต 5 ล้านบาท ลดลงเหลือ 1 ล้านบาท และลดระยะเวลาชำระคืนจาก 90 วัน เหลือ 30 วัน เพื่อเป็นการเช็คสุขภาพของธุรกิจ และลกความเสี่ยงของลูกค้าและแบงก์ที่อาจเกิดขึ้น

นายรักษ์ กล่าวอีกว่า โดยส่วนใหญ่นักธุรกิจของเมียนมา จะมีบัญชีสำหรับชำระเงินในต่างประเทศด้วยซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ไม่ได้มีเพียงบัญชีเดียวในเมียนมา ดังนั้นในการทำธุรกรรมชำระหนี้อาจไม่ต้องทำที่เมียนมา แต่ไปทำที่สิงคโปร์แทน เป็นต้น ขณะเดียวกันนักธุรกิจไทยทำการค้าการลงทุนกับเมียนมามานาน ทำให้มีความคุ้นชินกับการปิดประเทศ หรือ สถานการณ์ต่างๆ และที่ผ่านมานักธุรกิจเมียนมาไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ แต่บางช่วงจากสถานการณ์ในประเทศก็อาจมีการขอชะลอหรือเลื่อนการชำระหนี้ออกไปบ้าง