น้ำมันลง! ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกร่วง 2 วันติดกว่า 5% หลุด 74 ดอลลาร์

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม หรือคืนผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 76.93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.8% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดังกล่าวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดกัน หายไปถึง 4.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -5.3% หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 82.68 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.89 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.4% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดังกล่าวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดกัน หายไปถึง 4.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.9% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปรับเพิ่มขึ้น +5% และ +2.5% ตามลำดับ ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปิดในแดนบวกครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ผ่านมา

สาเหตุจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ประกาศในคืนผ่านมาล้วนปรับขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ได้แก่ ดัชนีภาคบริการ ตัวเลขการนำเข้า ตัวเลขการจ้างงาน ส่งผลกดดันธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจหวนกลับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นแรงกว่าที่คาดการณ์ นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับแข็งค่าขึ้น สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี เพิ่มสูงขึ้นเหนือกว่า 3% กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลกทั้ง 7 ประเทศ หรือกลุ่มจี 7 ประกาศการประกาศใช้มาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบที่ขนส่งทางทะเลจากประเทศรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมนี้