บมจ.คิงส์เมนส์ ซี.เอ็ม.ที.ไอ ส่งซิกผลงานปีหน้าพลิกเทิร์นอะราวด์ หลังปรับโครงสร้าง

272
0
Share:
บมจ.คิงส์เมนส์ ซี.เอ็ม.ที.ไอ ส่งซิกผลงานปีหน้าพลิกเทิร์นอะราวด์ หลังปรับโครงสร้าง

นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ ผู้จัดการด้านสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท คิงส์เมนส์ ซี.เอ็ม.ที.ไอ จำกัด (มหาชน) “K” ผู้ประกอบธุรกิจออกแบบและตกแต่งงานอย่างครบวงจร 4 ประเภท ดังนี้ 1.ธุรกิจงานตกแต่งภายใน (Interiors), 2.ธุรกิจงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibitions), 3.ธุรกิจการตลาดทางเลือก (Alternative Marketing) และ 4.ธุรกิจงานพิพิธภัณฑ์และสวนสนุกแนวคิด (Museums & Thematic Park) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานงานตั้งแต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ บริษัทฯในฐานะผู้ประกอบการด้านการออกแบบและตกแต่งภายในงาน Exhibition (เอ็กซิบิชั่น) จึงฟื้นในทิศทางที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยเน้นรับงาน Interiors ในขนาดโครงการที่เล็กลง และจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นระดับลักซ์ชัวรี่ (Luxury) มากขึ้น อย่างงานประเภท Pop-Up Store (งานออกร้านต่างๆ ที่จะจัดในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นพื้นที่ให้แบรนด์นำเสนอความโดดเด่นในแบบของตัวเอง) เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าระดับลักซ์ชัวรี่ที่ต้องใช้ทักษะการบริหารจัดการสูง และเชื่อว่าหลังจากนี้ลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวจะมีการขยายตัวมากขึ้น ตามการขยายตัวของเมือง ซึ่งในอนาคตหากประชากรเพิ่มขึ้น การขยายตัวของเมืองก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ ทั้งที่อยู่อาศัยและสำนักงาน ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังสถานกรณ์ของโควิด-19 คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม การปรับขนาดของโครงการที่รับงาน ทำให้บริษัทฯส่งมอบงานและรับรู้รายได้เร็วขึ้น

บริษัทฯเชื่อมั่นว่า ภาพรวมตลาดจะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2566 ทำให้บริษัทฯ คาดการณ์ผลการดำเนินงานในปี 2566 ว่า จะสามารถพลิกเทิร์นอะราวด์ (Turnaround) ได้ โดยจะเห็นการเทิร์นอะราวด์ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ โดยปกติในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ของทุกปี จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยในช่วงไตรมาส 1 จะมีงาน MOTOR SHOW และในช่วงไตรมาส 4 จะมีงาน Motor Expo ซึ่งบริษัทฯ มีลูกค้าประจำอยู่พอสมควร

ล่าสุดบริษัทมีงานในมือ (Backlog) รวมมูลค่ากว่า 292.7 ล้านบาท เป็น Backlog ของกลุ่มงาน Exhibitions และงาน Event จำนวน 242.4 ล้านบาท จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงไตรมาส 3-4/2565 ส่วนที่เหลืออีก 50.3 ล้านบาทเป็น Backlog จากกลุ่มงาน Interiors ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1-2/2566อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2565 บริษัทฯได้วางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 700-800 ล้านบาท ซึ่งอาจจะทรงตัว หรือเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 786 ล้านบาท

บริษัทฯ มีความมั่นใจในปี2566 จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ ด้วยสภาพคล่องที่มีอยู่ ซึ่งดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากในปีก่อนบริษัทฯ ได้ใช้เครื่องมือทางการเงิน ด้วยการออกใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ครั้งที่ 1 (K-W1) ซึ่งครบกำหนดใช้สิทธิแปลงสภาพซื้อหุ้นสามัญ ในวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 10 ต.ค.นี้ โดยครอบครัวพิเศษสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ใช้สิทธิแปลงสภาพเต็มจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่ถืออยู่ มูลค่ากว่า 52 ล้านบาท และคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ มีเม็ดเงินดังกล่าวเข้ามาประมาณกว่า 95 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวบริษัทฯจะใช้นำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคต