บอร์ดกองทุนอนุรักษ์พลังงานหั่นงบปี 63 ลง 4,100 ล้านบาท

703
0
Share:

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีทบทวนกรอบยุทธศาสตร์การจัดสรรเงินกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยที่ประชุมเห็นชอบตัดงบ ใน 2 แผนงาน ลง 4,100 ล้านบาท เนื่องจากการพิจารณางบประมาณมีความล่าช้า เกรงว่าจะดำเนินโครงการไม่ทันในสิ้นปีงบประมาณ 2563 ประกอบกับปีนี้การใช้น้ำมันลดลงมากจากปัญหาผลกระทบโควิด-19
.
สำหรับแผนงานที่ตัดลดงบประมาณ ได้แก่ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จากวงเงิน 5,000 ล้านบาท ตัดให้เหลือ 2,400 ล้านบาท เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานเป็นหลัก และแผนพลังงานทดแทน จากวงเงิน 4,700 ล้านบาท ตัดให้เหลือ 3,200 ล้านบาท เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินการตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกเป็นหลัก
.
ส่วนแผนบริหารจัดการ สำนักงานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หรือ ส.กทอ. ที่มีวงเงิน 300 ล้านบาท แม้ไม่ได้ตัดงบ แต่มีการจัดสรรใช้จริงเพียง 256 ล้านบาทเท่านั้น
.
แต่ที่ประชุมมีความเป็นห่วงว่าการเก็บเงินเข้ากองทุนฯของปีงบประมาณ 2563 จะทำได้ไม่ถึงเป้าหมายที่ 3,500-3,600 ล้านบาทต่อปีเหมือนปกติ เพราะรายได้ของกองทุนฯ มาจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันในอัตรา 10 สตางค์/ลิตร แต่สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนใช้รถยนต์น้อยลงมาก และอาจทำให้การส่งเงินเข้ากองทุนฯน้อยไป
.
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.2562-31 มี.ค.2563 ยังเก็บเงินเข้ากองทุนฯได้ตามเป้าหมาย 1,500 ล้านบาท แต่ในเดือน เม.ย.-ก.ย.63 ยังไม่แน่ใจว่าจะถึงตามเป้าหมาย 2,000 ล้านบาทหรือไม่ ประกอบกับเหลือเวลาดำเนินโครงการจริงได้แค่เพียง 3 เดือนก่อนจะปิดงบประมาณปี 2563 ซึ่งอาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทัน
.
สำหรับวงเงินที่ถูกตัดไปรวม 4,100 ล้านบาทนั้น จะนำไปเก็บไว้ใช้สำหรับงบกองทุนฯปีงบประมาณ 2564 แทน ทั้งนี้ หากสามารถจัดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันได้ตามเป้าหมาย 2,000 ล้านบาทในเดือน เม.ย.-ก.ย. 63 ก็จะส่งผลให้กองทุนฯในปีงบประมาณ 2564 มีงบสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ได้ 10,000 ล้านบาทต่อไป แต่ถ้าเงินไม่เข้าตามเป้าหมายก็อาจจะลดงบประมาณลงได้เช่นกัน
.
อย่างไรก็ตาม กองทุนฯ คาดว่าจะเปิดรับข้อเสนอโครงการประจำปีงบประมาณ 63 ได้ช่วงกลางเดือน พ.ค.63 และน่าจะเริ่มต้นโครงการได้จริงประมาณ ก.ค.63 โดยคาดว่าเดือน ก.ค.63 จะเป็นช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง โดยรองนายกรัฐมนตรีเร่งให้ใช้งบประมาณกับโครงการกิจการขนาดเล็ก โครงการที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เช่น โครงการโซลาร์สูบน้ำ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว การจ้างงาน การปลูกดอกไม้ การจัดทำห้องเย็นของแต่ละจังหวัด เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย