ประธาน FETCO มองเป้าดัชนี SET ปีนี้ 1,600 จุดรับเศรษฐกิจฟื้น จากความคาดหวังวัคซีน-ทุนไหลเข้า

572
0
Share:

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ในฐานะประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO มองเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2564 จะอยู่ที่ 1,600 จุด โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับ Sentiment เชิงบวกตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกที่ตัวเลขเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดระลอก 2 ก็ตาม แต่ประชาชนไม่ได้กังวลมากเหมือนกับครั้งแรก
.
นักลงทุนส่วนใหญ่มีความคาดหวังกับวัคซีนไวรัสโควิด ที่เริ่มมีผู้ผลิตยาหลายรายสามารถผลิตวัคซีนและเริ่มฉีดให้กับประชาชนทั่วไปกว่า 40 ประเทศแล้ว แต่ยังคงต้องติดตามผลของวัคซีนและประสิทธิภาพต่างๆ ด้วย รวมไปถึงปริมาณการผลิตวัคซีนว่าจะเพียงพอต่อประชากรทั่วโลกมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากมีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบหนักต่อดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก
.
นอกจากนี้ยังจะได้แรงหนุนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายเชื่อว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี และสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทั่วโลก ในขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่เพิ่มเติมด้วย
.
แต่ไทยจะได้ปัจจัยหนุนหลักเข้ามาอีก 1 ปัจจัยเพิ่มเติมคือ ทิศทางเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามายังประเทศเกิดใหม่มากขึ้น เพราะไทยเป็นตัวเลือกหลักที่เงินทุนจะไหลเข้ามาเนื่องจากมีความพร้อมด้านพื้นฐานต่างๆ ทิศทางผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ที่จะกลับมาเติบโตได้สูงถึง 40% และในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนต่างชาติไหลออกไปจำนวนมากด้วย
.
สำหรับการพักฐานของดัชนีตลาดหุ้นไทยแบบรุนแรงเชื่อว่าคงจะไม่มี หากว่าสถานการณ์ทางการเมืองยังคงนิ่งอยู่ โดยแนะนำให้ลงทุนหุ้นที่จะได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คือ ธนาคารพาณิชย์ พลังงาน ปิโตรเคมี และ ICT
.
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน หรือ FETCO Investor Confidence Index ผลสำรวจในเดือน ธ.ค.63 พบว่า ดัชนีฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 130.63 ปรับตัวลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” มาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”
.
โดยนักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยว รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
.
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนธันวาคม 2563 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
.
-ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มีนาคม 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120 -159) ปรับตัวลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 130.63
.
-ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนทบุคคลและกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”
.
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าของเงินทุน
.
ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การท่องเที่ยว
.
ผลสำรวจ ณ เดือนธันวาคม 2563 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 21% อยู่ที่ระดับ 117.95 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 23% อยู่ที่ระดับ 128.57 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวลดลง 24% อยู่ที่ระดับ 119.05 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 14% อยู่ที่ระดับ 150.00
.
ในช่วงครึ่งแรกของเดือน ธ.ค.63 SET index ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,417-1,483 จากข่าวดีของการทยอยเริ่มใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในหลายประเทศ และมีเงินทุนไหลเข้ามายังกลุ่ม Emerging market โดยเฉพาะในตลาดทุนไทยซึ่งมีสัดส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical stock) สูง ส่งผลให้เงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทยเป็นบวกสุทธิอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งเดือนหลังดัชนีผันผวนจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย
.
ณ สิ้นเดือน ธ.ค.63 SET Index ปิดที่ 1,449.35 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อนหน้า