ปลัดสธ.ยกทีมคุยนายกรัฐมนตรีห่วงยอดติดโควิดพุ่ง ไม่ลดระดับคำเตือนภัยโควิด-19

449
0
Share:
โควิด

นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลาประมาณ 30 นาที โดยกล่าวว่า มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเรื่องสถานการณ์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกทม. ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่มีการผ่อนคลายมาตรการ ขยายเวลาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ จึงต้องกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการ สาธารณสุขอย่างเข้มงวด ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่าขอให้ควบคุมสถานการณ์ให้ดี

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยต่อไปว่า วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 8,640 คน รักษาหาย 8,641 คน อยู่ระหว่างการรักษา 82,720 คน ในภาพรวมผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตอยู่ในระดับคงตัว ขณะที่ผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงยังคงการแจ้งเตือนภัยโควิด 19 ที่ระดับ 4 โดยขอให้งดการเข้าสถานที่เสี่ยง การรวมกลุ่มทำกิจกรรมเป็นเวลานาน และชะลอการเดินทาง โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ปริมณฑล จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว และจังหวัดที่มีพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้มการติดเชื้อสูงขึ้น ต้องเข้มมาตรการต่าง ๆ มากขึ้นด้วย

นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อส่วนใหญ่ยังมาจากการสัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว เพื่อน และการทำงานรวมกลุ่มกันโดยไม่สวมหน้ากากเป็นเวลานาน ทำให้พบคลัสเตอร์ในหลายวงการ เช่น นักกีฬา บุคลากรทางการแพทย์ จึงขอให้ปฏิบัติตามมาตการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังพบสัญญาณการระบาดในโรงงาน สถานประกอบการ สถานที่ทำงาน ร้านอาหารที่ให้ดื่มสุรา และโรงเรียนเพิ่มขึ้น เน้นย้ำว่าหากพบผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการให้แยกแผนกทำงาน แยกพื้นที่ และใช้มาตรการ Bubble&Seal ขณะที่ทั่วโลกยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากต่อเนื่อง จึงเน้นติดตามกำกับการเดินทางเข้าประเทศ ในรูปแบบ Test&Go และ Sandbox

ขณะที่ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผู้ที่ติดเชื้อซ้ำ เป็นสายพันธุ์โอไมครอน ทั้งหมด ขณะที่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วติดเชื้อส่วนใหญ่ก็เป็นสายพันธุ์โอมิครอนเช่นกัน แต่ทุกคนไม่มีอาการรุนแรง บ่งบอกว่าวัคซีนช่วยลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ แต่จะต้องเร่งฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ตามช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อเพิ่มภุมิคุ้มกันให้มากขึ้น