ผู้เลี้ยงไก่ไข่วอนพาณิชย์เร่งแก้ปัญหา อาหารสัตว์ขาดแคลน จะตรึงราคาไข่ไก่ได้ถึง 1 ปี

804
0
Share:
ไข่ไก่

นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้กล่าวว่า สมาคมประกาศปรับขึ้นราคาไข่ไก่เนื่องจากผู้เลี้ยงรายย่อยที่รวมตัวกันเป็นสหกรณ์และชมรมซึ่งมีต้นทุนการเลี้ยงสูงกว่ารายย่อยได้ประกาศปรับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขึ้น 10 สตางค์จาก 3.40 บาท เป็น 3.50 บาท โดยมีผลวันนี้ (22 เม.ย.) บางสหกรณ์และบางชมรมประกาศแจ้งราคาแนะนำขายไข่ไก่ตามขนาดดังนี้ เบอร์ 0 ฟองละ 4.10 บาท เบอร์ 1 ฟองละ 3.90 บาท เบอร์ 2 ฟองละ 3.70 บาท เบอร์ 3 ฟองละ 3.60 บาท เบอร์ 4 ฟองละ 3.40 บาท และเบอร์ 5 ฟองละ 3.20 บาท

เนื่องจากต้นทุนการเลี้ยงสูงจากอาหารสัตว์ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นเพราะช่วงฤดูร้อนต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อทำความเย็นในโรงเรือนมากขึ้น รวมถึงค่ายา วิตามิน และเวชภัณฑ์เพราะอากาศร้อนไก่ไม่แข็งแรงและป่วยง่าย ตลอดจนให้ไข่น้อยลงด้วย

ซึ่งอาหารสัตว์คิดเป็นต้นทุน 60-70% ของต้นทุนการเลี้ยง โดยอาหารสำเร็จรูปปรับราคาต่อเนื่อง ในรอบ 1 เดือนปรับ 4 ครั้งแล้วตั้งแต่ 20-30 สตางค์ต่อกิโลกรัม ล่าสุดร้านจำหน่ายอาหารสัตว์แจ้งว่า จะปรับขึ้น 30 สตางค์ในวันจันทร์ที่ 25 เม.ย. นี้อีกครั้ง ทำให้เกษตรกรบางคนเปลี่ยนไปใช้อาหารสัตว์ที่ราคาถูกลงปรากฏว่า ไก่ไม่ไข่หรือเปลือกไข่สีซีด จำหน่ายไม่ได้เพราะเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน การจะปรับสูตรอาหารโดยใช้วัตถุดิบในประเทศเช่น ปลายข้าวนั้น ไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมดเพราะวัตถุดิบแต่ละชนิดให้ธาตุอาหารต่างกัน

ที่ผ่านมากรมการค้าภายในพยายามแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง แต่การประชุมกับสมาคมที่เกี่ยวข้องล่มจนกระทั่งเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงเสนอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา 3 แนวทางคือ

1. ยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2%
2. ยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี 3 : 1 ส่วน
3. เปิดให้นำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบ WTO และ AFTA ในปริมาณขาดแคลน โดยยกเลิกโควต้า ภาษีและค่าธรรมเนียม

ซึ่งเป็นการเปิดนำเข้าในปริมาณที่เหมาะสมและเป็นเวลาชั่วคราวซึ่งจะไม่กระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์ในประเทศ หากกระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลนและราคาแพงได้ เชื่อว่าผู้เลี้ยงไก่ไข่จะสามารถตรึงราคาไข่ไก่ได้นานถึง 1 ปีโดยไม่ต้องปรับขึ้น ยืนยันว่าเห็นใจผู้บริโภค ไม่ต้องการเอาเปรียบ แต่มาตรการรัฐควรดูแลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ประกอบอาชีพได้ด้วย ไม่เช่นนั้นผู้เลี้ยงรายย่อยต้องหยุดเลี้ยงเพราะแบกรับภาวะขาดทุนไม่ไหว