ฝรั่งเศสเปิดผลทดลอง’วัคซีนวัลเนวา’ ประสิทธิภาพใกล้เคียงวัคซีนแอสตร้าฯ แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า

609
0
Share:

บริษัทวัลเนวา (Valneva SE) เป็นหนึ่งในบริษัทที่พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเลือกใช้เทคโนโลยีวัคซีนเชื้อตายมากกว่าเทคโนโลยี mRNA และคาดว่าจะเป็นทางเลือกให้กับชาวยุโรปที่ลังเลที่จะฉีดวัคซีนโควิด โดยได้เผยผลทดลองเฟส 3 ของ”วัคซีนVLA2001″ ซึ่งเป็นวัคซีนต้านโควิดชนิดเชื้อตาย พบว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรืออาจจะดีกว่าวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ซึ่งพบว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
.
โดยได้ทำการทดลองเทียบวัคซีนในอาสาสมัคร 4,672 คน แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 4,012 คน และผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวน 660 คน และในกลุ่มผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปีจำนวน 1,040 คน จะถูกแยกไปศึกษาเรื่องผลข้างเคียง สำหรับกลุ่มผู้ใหญ่อายุมากกว่า 30 ปี จำนวน 2,972 คน ได้ทำการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้วัคซีน VLA2001 จำนวน 1,977 คน และอีกกลุ่มได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 995 คน โดยได้ฉีด 2 เข็มห่างกัน 28 วันทั้งสองตัว
.
จากนั้นได้สุ่มตัวอย่างจากอาสาสมัคร 990 คน (492 คนได้วัลเนวา 498 คนได้แอสตร้าฯ) พบว่าวัคซีนวัลเนวากระตุ้นแอนติบอดีชนิด Neutralizing Anibody ได้มากกว่าแอสตร้าเซเนก้าราว 40%
.
ทางด้านอดัม ฟินน์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยบริสทอล และหัวหน้านักวิจัยของการทดลองวัคซีนVLA2001 กล่าวว่า วัคซีนวัลเนวากระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ และแนะนำว่าการป้องกันโควิด-19 ในแง่ของการตอบสนองแอนติบอดีจะไม่ด้อยกว่าวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าอย่างแน่นอน
.
ซึ่งวัคซีนทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะกับการป้องกันการป่วยรุนแรง ในการทดลองไม่มีอาสาสมัครต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 ระหว่างการทดลองเลย จากการทดลองยังพบว่าวัคซีนวัลเนวาที่ใช้ 2 โดส ห่างกัน 28 วัน มีอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นปวดแขนหรือมีไข้ และในกลุ่มอายุน้อยกว่า 18 ปีก็พบว่ามีประสิทธิภาพดีใกล้เคียงกับที่ทดลองในผู้ใหญ่ ไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง นอกจากนี้วัคซีนวัลเนวายังสามารถเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ทำให้ง่ายต่อการจัดเก็บและขนส่ง
.
ซึ่งวัลเนวากล่าวว่า จะส่งข้อมูลให้หน่วยงานกำกับดูแลยาอังกฤษพิจารณาในเดือน พ.ย. เพื่อขออนุมัติใช้ภายในสิ้นปีนี้ และหวังว่าจะได้รับการอนุมัติใช้จากสหภาพยุโรปภายในสิ้นเดือน มี.ค. ปีหน้า