พาณิชย์เผยส่งออกม.ค.ขยายตัว 0.35% ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 0.6-2.7%

546
0
Share:

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ม.ค.64 โดยการส่งออกไทยมีมูลค่า 19,706.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 0.35% จากตลาดคาด 0.6-2.7% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 19,908.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 5.24% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 202.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
.
การส่งออกของไทยเดือนม.ค.ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนธ.ค. ปีก่อน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมูลค่าส่งออกยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (18,319 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศและประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 เริ่มเห็นผลชัดเจนและกระจายในวงกว้าง เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับ น้ำมัน ทองคำ และอาวุธ ยุทธปัจจัย ขยายตัวสูง 7.57% จากปีก่อน สะท้อนการเติบโตจากภาคเศรษฐกิจจริง (Real Seactor)

.

สำหรับปัจจัยสนับสนุนต่อการส่งออกไทยในเดือนนี้ ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง, ประสิทธิภาพของวัคซีนต้านไวรัสโควิด- 19 เริ่มเห็นผลชัดเจน และมีการกระจายวัคซีนไปในวงกว้าง ส่งผลให้เกิดอุปสงค์และความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว, ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังช่วยสนับสนุนสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันด้วย รวมทั้งความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (RCEP) ที่จะช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าของไทยในระยะต่อไป
.
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยที่กดดันการส่งออกของไทย ได้แก่ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ และพบว่าไวรัสมีการกลายพันธุ์, ยังมีอุปสรรคด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ จากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และภาวะเงินบาทแข็งค่า
.
สำหรับภาพรวมการส่งออกในรายสินค้าของเดือนม.ค.นี้ พบว่า สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 3.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น น้ำมันปาล์ม, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป, เนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ น้ำตาลทราย ข้าว และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป
.
ขณะที่ภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 0.9% ขยายตัว 2 เดือนต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี คือ ถุงมือยาง ซึ่งขยายตัวถึง 200% เป็นผลจากการระบาดของไวรัสโควิดที่ทำให้ยังมีปริมาณความต้องการใช้ถุงมือยางอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, จีน และญี่ปุ่น ซึ่งการส่งออกถุงมือยางของไทยขยายตัวต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 14 แล้ว นอกจากนี้ สินค้าเฟอร์นิเจอร์ ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด ทำให้คนยังมีการทำงานที่บ้าน (Work from Home) จึงส่งผลต่อความต้องการสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนสำหรับที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่การส่งออกลดลง คือ ทองคำ ลดลงถึง 90% เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการทองคำลดลง คนจึงหันไปซื้อสินทรัพย์อื่นทดแทน
.
แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 64 ว่า กระทรวงพาณิชย์คาดว่าปีนี้การส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ 4% หรือต้องส่งออกให้ได้เดือนละประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยในช่วงครึ่งปีแรก คาดว่าจะขยายตัว 3-5% ขณะที่ครึ่งปีหลัง ขยายตัวได้ 3-4% พร้อมมองว่าสัญญาณการส่งออกในเดือนก.พ.มีแนวโน้มดีขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีความชัดเจน เช่น ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในรอบ 3 เดือน, ความต้องการใช้น้ำมันของโลกที่เริ่มขยายตัว สะท้อนจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นจากปลายปีก่อน และการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิดที่มีประสิทธิภาพในหลายภูมิภาค