ฟอร์ดลั่นให้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สวนทางราคาหุ้นฟอร์ดถูกถล่มขายหนักในรอบ 11 ปี

458
0
Share:
ฟอร์ด ลั่นให้ ไทย เป็น ฐานผลิต รถยนต์ไฟฟ้า สวนทางราคาหุ้นฟอร์ดถูกถล่มขายหนักในรอบ 11 ปี

นายจอห์น ลอว์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน หรือซีเอฟโอ บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยว่า ยืนยันแผนงานที่จะให้โรงงานในประเทศไทยผลิตรถพลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งรถปิกอัพรุ่นเรนเจอร์ Ford Ranger EV และรถเอสยูวี เอเวอเรสต์ Ford Everest EV

ประเทศไทยจะเป็น ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ที่ปลอดมลพิษ เมื่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วโลก เราจะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่และเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับเราในตลาดนอกอเมริกาเหนือ

ปัจจุบันฟอร์ดมีโรงงานผลิตรถยนต์ในไทย 2 แห่ง ที่ จ.ระยอง คือ ออโต้ อัลลายแอนซ์ (ร่วมทุนกับมาสด้า) และโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) โดยปี 2564 ประกาศลงทุนกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่ายังสามารถสร้างงานในประเทศไทยเพิ่มอีกกว่า 1,250 ตำแหน่ง ควบคู่กับการเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์ในสายการผลิตอีกเกือบเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ในสหรัฐอเมริกา กลับไม่สู้ดีนักกับผลประกอบการที่ย่ำแย่

เมื่อคืนที่ผ่านมา 20 กันยายน 2565 ตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา นักลงทุนกระหน่ำเทขายหุ้นบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลราคาหุ้นดำดิ่งอย่างหนักถึง 12.3% ลงมาปิดที่หุ้นละ 13.09 ดอลลาร์สหรัฐ หรือหุ้นละกว่า 484 บาท ทำสถิติราคาหุ้นตกต่ำใน 1 วันมากที่สุดในรอบ 11 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา

นอกจากนี้ ไม่แง่ร้อยละของราคาหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ที่ตกต่ำในคืนผ่านมา ยังทำสถิติราคาหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดำดิ่งมากสุดในรอบ 11 ปี 7 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2011 เป็นต้นมา ซึ่งในวันนั้น ราคาหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ถูกถล่มเทขายทรุดถึง -13.4% มาปิดที่ราคาหุ้นละ 16.27 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่าหุ้นละ 570 บาท สาเหตุจากผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ออกมาย่ำแย่กว่าที่นักลงทุนคาดไว้

สาเหตุจากฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 พร้อมเตือนว่าต้นทุนจากซัพพลายเออร์ที่ร่วมผลิตรถยนต์ฟอร์ด พุ่งกระฉูดเกินความคาดหมายถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 37,000 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุมาจากวิกฤตภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่พุ่งสูงในรอบ 40 ปี ทำให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายของบริษัทซัพพลายเออร์พุ่งสูงสะสมต่อเนื่อง

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ส่งผลให้มูลค่าบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ เสียหายมากถึง 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 259,000 ล้านบาทภายในคืนผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นจากราคาหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ที่ดำดิ่งหนักตลอดทั้งวันซื้อขาย

นอกจากนี้ ฟอร์ด มอเตอร์ ยอมรับว่าปัญหาชิ้นส่วนรถยนต์ และปัญหาไมโครชิปขาดแคลน ส่งผลกระทบจำนวนผลิตรถยนต์มากถึง 40,000-45,000 คัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นรถกระบะเชิงพาณิชย์ และรถยนต์ประเภทเอสยูวี ทำให้เป็นไปได้สูงมากที่ฟอร์ด มอเตอร์ ไม่สามารถจัดส่งรถยนต์ไปให้กับบรรดาดีลเลอร์จำนวนมากได้