ภูมิลดวูบ! วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพเหลือ 12% ต้านโควิด-19 ในเด็ก 5-11 ขวบ

สาธารณสุขแห่งรัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ขวบ พบว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนลดลงจาก 68% มาเหลือเพียง 12% ในช่วงระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พบว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพลดลงจาก 100% มาเหลือเพียง 48%

สาเหตุจากปริมาณวัคซีนที่ใช้ในการฉีดกับเด็กเล็กในช่วงอายุ 5-11 ขวบ มีปริมาณโดสลดน้อยกว่าปริมาณโดสปกติที่ฉีดในกลุ่มผู้ใหญ่ การลดปริมาณโดสลงมานั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ หรืออาการผลข้างเคียงจากการได้รับการฉีดวัคซีนในตัวเด็ก เด็กในช่วงอายุดังกล่าวจะได้รับการฉีด 2 เข็ม เข็มละ 10 ไมโครกรัม ในขณะที่เด็กอายุ 12-17 ปี จะได้รับ 2 เข็ม เข็มละ 30 ไมโครกรัม

วัคซีนไฟเซอร์ยังมีประสิทธิภาพลดลงในกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปี ด้วย ผลการศึกษา พบว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนลดลงจาก 66% มาเหลือเพียง 51% สอดคล้องกับประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พบว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพลดลงจาก 85% มาเหลือเพียง 73% ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

สาธารณสุขรัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เตรียมยกเลิกการบังคับให้สวมใส่หน้ากากอนามัยในโรงเรียนในวันที่ 7 มีนาคม 2565 ด้านสาธารณสุขรัฐแคลิฟอร์เนียจะยกเลิกมาตรการเดียวกันในวันที่ 11 มีนาคมนี้

ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อพกิ้นส์ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 พบว่า ภาวะการติดโรคโควิด-19 ลดลงถึง 91% จากสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 66,000 ราย ซี่งลดลงจากจำนวนเฉลี่ยที่ 802,000 ราย เมื่อสิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2565