ยอดติดแรง! หมอเฉลิมชัยฟันธงไทยเจอโควิด-19 ระบาดขาขึ้นรอบใหม่ชัดเจน

402
0
Share:
ยอดติดแรง! หมอเฉลิมชัย ฟันธงไทยเจอ โควิด-19 ระบาดขาขึ้นรอบใหม่ชัดเจน

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่ชัดเจน มีดังนี้

โควิดไทยเป็นช่วงขาขึ้นอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น 40% จาก 22,542 รายต่อวัน เป็น 31,582 ราย

โควิดระลอกที่ 4 ของไทย ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อมกราคม 2565 โดยมีไวรัสโอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ย่อยโดยลำดับจาก BA.1 เป็น BA.2 และเป็น BA.5 ตามลำดับ

ทุกครั้งที่ไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ ก็จะมีความสามารถในการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ได้ส่งผลถึงสถานการณ์โควิดในปัจจุบันดังนี้

เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์โควิดระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 17-23 กรกฎาคม 2565 เปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนคือ วันที่ 10-16 กรกฎาคม 2565 พบสถิติที่น่าสนใจดังนี้

1. ติดเชื้อแบบ PCR เพิ่ม 17.91% จากวันละ 1,995 ราย เป็น 2,352 ราย
2. ติดเชื้อแบบ ATK เพิ่ม 42.26% จากวันละ 20,547 ราย เป็น 29,231 ราย
3. ติดเชื้อรวมเพิ่ม 40.11% จากวันละ 22,542 ราย เป็น 31,582 ราย
4. รักษาตัวอยู่ลดลง 2.79% จาก 24,062 เตียง เป็น 23,390 เตีย
5. ป่วยมีปอดอักเสบ เพิ่ม 6.86% จาก 781 เตียง เป็น 834 เตียง
6. ป่วยหนักมากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพิ่ม 11.07% จาก 345 เตียง เป็น 383 เตียง
7. เสียชีวิตลดลง 17.91% จาก 24 ราย เป็น 21 ราย

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตในช่วง 3 วันที่ผ่านมาคือ 23, 24 และ 25 กรกฎาคม เริ่มเพิ่มขึ้นเป็น 29, 30 และ 32 รายต่อวัน ซึ่งสอดคล้องกับความรู้ที่ว่า ผู้เสียชีวิตจะตามหลังผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 สัปดาห์

โดยที่ขณะนี้ ไทยมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 141 ล้านโดส

เข็มที่หนึ่ง 57.1 ล้านโดส (82.1%)
ที่สอง 53.4 ล้านโดส (76.8%)
เข็มที่สาม 30.6 ล้านโดส (44.1%)
วัคซีนสำหรับรับมือโอไมครอน ต้องฉีดอย่างน้อย 3 เข็ม ดังนั้นเรายังฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มเพียง 44.1% ยังขาดอยู่อีก 25.9% หรือ 18.4 ล้านโดส จึงจะถึงเกณฑ์ 70%

สำหรับไวรัสนั้น สายพันธุ์ย่อย BA.5 เป็นสายพันธุ์หลัก มีค่าการแพร่ระบาดสูงถึง 18.6 ซึ่งมากกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่นอยู่ 5 เท่า และมากกว่าสายพันธุ์เดลต้า 3.6 เท่า

จึงพอสรุปสถายการณ์โควิดไทย ได้ว่า

1. ไวรัสสายพันธุ์หลักขณะนี้คือ BA.5 มีความสามารถในการแพร่ระบาดมากกว่าเดิม 5 เท่า
2. วัคซีนที่ฉีดครบ 3 เข็ม ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
3. สถานการณ์ปัจจุบัน เริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ
4. ผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มมากขึ้น โดยผู้เสียชีวิตยังไม่ได้เพิ่มตาม แต่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นในอีก 1 สัปดาห์

เราจึงควรมีวินัยในการป้องกันตนเอง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือบ่อยบ่อย ตลอดจนรับวัคซีนเข็ม 3 โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ให้เหมือนกับที่เราเคยทำมาได้เป็นอย่างดี ในช่วงไวรัสเดลต้าระบาดเมื่อปี 2564